ในงานเปิดตัวเกมการ์ด Artifact ของ Valve มีสื่อหลายรายได้รับเชิญให้ไปทดสอบเกมการ์ดตัวใหม่นี้ และเซอร์ไพร์สอย่างหนึ่งในงานคือ Gabe Newell ผู้ก่อตั้ง Valve มาเป็นคนแถลงข่าวด้วยตัวเอง (หาได้ยากยิ่งในช่วงหลัง)
ประเด็นที่ Gabe แถลงก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะเขาเปิดเผยว่า Valve จะกลับมาวางขายเกม (games = หลายเกม) อีกครั้งแล้ว
Artifact ถือเป็นเกมใหม่เกมแรกของ Valve ในรอบ 5 ปีมานี้ (เกมสุดท้ายคือ Dota 2 ในปี 2013) อย่างไรก็ตาม Gabe ไม่ได้เปิดเผยว่าเกมอื่นๆ นอกจาก Artifact มีเกมอะไรบ้าง บอกแค่ว่า Artifact เป็นเกมแรกในบรรดาหลายๆ เกมที่ Vavle กำลังทำอยู่เท่านั้น
Gabe อธิบายเหตุผลที่ Valve หยุดพัฒนาเกมไปนาน ว่าเป็นเพราะหันไปโฟกัสด้านฮาร์ดแวร์แทน เขาเล่าว่า Valve กังวลว่าโลกของพีซีจะมุ่งหน้าไปยัง "ระบบปิด" แบบเดียวกับ iPhone ดังที่เห็นได้จากแนวทางของไมโครซอฟท์ในช่วงหลังที่เดินตามรอยแอปเปิล หรือแม้แต่ Facebook ที่หันมาทำแว่น VR (หมายถึง Oculus) โดยพยายามสร้างระบบที่ปิดแต่ทำกำไรสูงแบบเดียวกับแอปเปิล ทำให้ Valve หันมาลงทุนในแพลตฟอร์มเปิดอย่าง SteamVR และ Vive เพื่อการันตีว่าโลกของพีซีจะยังเปิดกว้างต่อไป
อย่างไรก็ตาม Gabe บอกว่าเวลา 5 ปีที่ว่างเว้นไปก็ไม่เสียเปล่า เพราะบริษัทมีประสบการณ์ด้านฮาร์ดแวร์เพิ่มขึ้นมาก ถ้ามองย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน บริษัทไม่มีวิศวกรไฟฟ้าเลยสักคน แต่ตอนนี้บริษัทสามารถไปทำโครงการฮาร์ดแวร์อะไรก็ได้ และสามารถออกแบบชิปได้ด้วยซ้ำถ้าจำเป็น
Gabe เล่าว่า Valve อิจฉาบริษัทอย่างนินเทนโดที่มีพร้อมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เมื่อคนอย่าง Shigeru Miyamoto จะออกแบบเกมใหม่ เขาสามารถคิดได้ถึงขั้นว่ารูปแบบของคอนโทรลเลอร์ควรเป็นอย่างไร ทำให้เขาสามารถเพิ่มความสามารถอย่าง motion input (หมายถึง Wii) ได้เพราะเขาควบคุมได้ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในเวลาเดียวกัน และต่อจากนี้ไปเราจะได้เห็น Valve มุ่งหน้าไปในทิศทางนี้มากขึ้น
ที่มา - PCGamer