ข่าวข้อมูลลูกค้าทรูมูฟเอชหลุดออกสู่อินเทอร์เน็ตจำนวนมาก และหลังจากนั้นทางทรูมูฟชี้แจงว่าเป็นระบบของ iTrueMart ที่ลูกค้าอัพโหลดภาพบัตรประชาชนเพื่อซื้อโทรศัพท์พร้อมแพคเกจบริการ
แม้คนจำนวนมากจะยังคงตำหนิทรูมูฟเอช ว่าเลินเล่อต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม เราควรตระหนักว่าผู้ใช้ทั้งหมดหลายหมื่นราย "จำเป็น" ต้องอัพโหลดภาพบัตรประชาชนไปยัง iTrueMart เพราะคำสั่งของ กสทช. เพราะตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา กสทช. บังคับให้ผู้ให้บริการต้องลงทะเบียนซิมด้วยบัตรประชาชน แต่ขณะเดียวกัน กสทช. กลับสร้างมาตรการบังคับลงทะเบียนซิมที่หละหลวมเป็นอย่างยิ่ง ที่มอบอำนาจให้ "ผู้ขายซิม" ทุกคนสามารถรับลงทะเบียนได้
มาตรการลงทะเบียนซิมของ กสทช. เปิดทางให้ “ผู้ขายซิม” สามารถเก็บข้อมูลบัตรประชาชนของลูกค้า และไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ขายซิมรายใหญ่อย่าง iTrueMart เท่านั้น แต่กระจายไปถึงผู้ขายรายย่อยทุกรายในไทย มิหนำซ้ำ กสทช. ถึงกับลงทุน สร้างแอป "2 แชะ" เพื่อให้บริการผู้ขายรายย่อยด้วยตัวเอง อีกด้วย
ความหละหลวมของ กสทช. คือตัวแทนจำหน่ายซิมทั้งรายใหญ่และรายย่อย ไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลใดๆ ของ กสทช. และไม่มีข้อกำหนดว่าตัวแทนเหล่านี้จะต้องรักษาข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าที่มาลงทะเบียนซิมอย่างไรบ้าง เราไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่า กสทช. จะสามารถบังคับให้ผู้ขายซิมรายย่อย “ลบ” ภาพบัตรประชาชนของลูกค้าหลังลงทะเบียนเสร็จแล้วได้หรือไม่ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ขายรายใดบ้างที่แอบเก็บรูปบัตรประชาชนของเราไปใช้งานอย่างอื่น
ในขณะที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ถูกกำกับดูแลด้วยประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้บริการโทรคมนาคมอย่างเคร่งครัด ที่กำหนดทั้งวิธีและระยะเวลาการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล แต่ตัวแทนขายซิมรายย่อยกลับไม่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้เลย
ปัญหานี้จึงเป็นความรับผิดชอบของกสทช. โดยตรง ที่สร้างมาตรการลงทะเบียนซิมด้วยบัตรประชาชนขึ้นมาอย่างรีบเร่ง โดยไม่คิดถึงผลกระทบรอบข้าง แถมปีที่ผ่านมากสทช. ยังคงเดินหน้าผลักดันให้มีการเก็บข้อมูลทั้งลายนิ้วมือและข้อมูลใบหน้าเพิ่มเติม แม้จะอ้างว่าข้อมูลไม่ได้เก็บไว้ที่ผู้รับลงทะเบียน แต่ก็ไม่เคยมีการอธิบายว่ามาตรการเป็นอย่างไร ถึงได้แน่ใจว่าผู้รับลงทะเบียนจะไม่เก็บข้อมูลไว้เอง
ความไม่พร้อมจากการออกมาตรการ และความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วจึงมีทางออกเพียงทางเดียวคือถอยไปตั้งหลักเสียใหม่
ข้อเสนอของ Blognone มีสองขั้นดังนี้
กสทช. ควรตระหนักว่าการที่ข้อมูลรั่วไหล เป็นผลกระทบต่อ "ความมั่งคง" ของประชาชนโดยรวมเช่นเดียวกัน คนที่ตกเป็นเหยื่อการถูกขโมยตัวตนอาจได้รับความเดือดร้อนต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างคาดไม่ถึง และการออกมาตรการโดยอ้างความมั่นคง ก็ควรนำเอาความมั่นคงในชีวิตของประชาชนมาพิจารณาไปพร้อมกัน