นี่เป็นบทความที่แปลจากรายงาน Don Reisinger บล็อกเกอร์จากเว็บ Cnet
จากรายงานของ iSuppli ที่มีข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับมูลค่าชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตเครื่องโซนี่เพลย์สเตชั่น 3 โดยจากข้อมูลใหม่นั้น จะเห็นได้ว่าโซนี่สามารถลดต้นทุนในการผลิตเครื่อง PS3 ได้แล้ว ณ ตอนนี้มากถึง 35%
หากจะดูให้ละเอียดจริง ๆ หลัก ๆ ก็คือชิปต่าง ๆ ในเครื่องได้ถูกเปลี่ยนจาก 90 นาโนเมตรมาเป็น 65 นาโนเมตรหมดแล้ว ทำให้สามารถลดราคาของ Power Supply ที่ใช้ในเครื่องได้กว่า 30% จาก USD30.75 มาอยู่ที่ USD21.50
ส่วนตัว Accelerometer ในคอนโทรลเลอร์ของ PS3 ก็เปลี่ยนยี่ห้อมาใช้ของ Kionix แทน Hokuriku Electronic ซึ่งลดราคามาได้ USD1.45 ต่อยูนิต
สำหรับชิปต่าง ๆ นั้น ต้นทุนในการผลิตก็ลดเช่นกัน โดยเฉพาะตัว Cell เองจาก IBM ที่โซนี่ได้เปลี่ยนมาใช้ Cell รุ่นใหม่ที่มีราคาที่ถูกกว่า 28% จากราคาเก่า โดยอยู่ที่ USD46.46 และเช่นกัน สำหรับ RSX ของ Nvidia ที่ตอนนี้ราคาลดลงมาอีก 30% เหลือเพียง USD58.01
แต่เมื่อมาดูต้นทุนการผลิตทั้งหมดนั้น เงินที่ต้องใช้ในการผลิตเครื่อง PS3 หนึ่งเครื่องรวมออกมาแล้วจะตกเครื่องละ USD448.73 (ประมาณ 15,600 บาท ณ ตอนนี้) จากราคาผลิตแต่ก่อนที่สูงถึงเครื่องละ USD690.23 (ประมาณ 24,000 บาท) ซึ่งยังไม่รวมต้นทุนอื่น ๆ เช่นการผลิตกล่องใส่ตัวเครื่อง และค่าใช้จ่ายในการทำให้ค่ายเกมต่าง ๆ มาผลิตเกมบนแพลตฟอร์มนี้อีกด้วย
เมื่อมาดูเอาจริง ๆ แล้ว PS3 ตอนนี้ขายอยู่เครื่องละ USD399 (ประมาณ 14,000 บาท) นั่นหมายความว่าทุกวันนี้โซนี่ยังขาดทุนกับเครื่อง PS3 ทุกเครื่องที่ขายไป ไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลย แต่จากรายงานของ iSuppli นั้น เชื่อว่าโซนี่น่าจะสามารถที่จะคืนทุนได้ภายในปี 2009 นี้ โดยทาง iSuppli เชื่อว่าต้นทุนต่าง ๆ อาจจะสามารถลดลงได้อีกภายในปีนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงสิ่งบางสิ่งทางด้านฮาร์ดแวร์ในตัวของเครื่อง
แต่ได้ทุนคืนหรือไม่ก็ตาม ถ้าหากมาดูยอดขายของคู่แข่งแล้ว โซนี่อาจจะยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่าสามารถแข่งกับคู่แข่งได้เลย ทุกวันนี้ทั้ง Xbox 360 และ Wii ยังมียอดขายที่แข็งแรงกว่า ยิ่งดูจากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันแล้ว ตัวเลขล่าสุดอาจจะไม่น่าแปลกใจนักสำหรับโซนี่ ที่มียอดขายลดลง 19% ในเดือนพฤศจิกายนของปีก่อนหน้า และ The Wall Street Journal เอง ยังคาดว่ายอดขายของ PS3 ไม่น่าจะกระเตื้องขึ้นมา ดีไม่ดียังจะลดลงอีกด้วยซ้ำในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกัน Xbox ยังมียอดขายที่สูงขึ้นถึง 8% จากปีที่แล้ว ดูเหมือนหลาย ๆ อย่างอาจจะดูไม่ค่อยดีสำหรับโซนี่แล้วอย่างแน่นอน
นาย Don เชื่อว่าทุกอย่างมันอยู่ที่ราคา เขาเชื่อว่าทั้งฮาร์ดแวร์และเกมที่มีสำหรับ PS3 นั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับโซนี่แต่อย่างใด ยิ่งนับความสามารถที่เป็นเครื่องเล่นบลูเรย์อยู่แล้วยิ่งน่าจะดีสำหรับผู้ซื้อเสียอีก เพียงแต่เมื่อถึงเวลาเลือกซื้อ เจอราคาเข้า ผู้ใช้จ่ายทั่วไปอาจจะต้องเปลี่ยนใจ ในเมื่อเครื่องเกมอื่น ๆ ในตลาดมีราคาที่ต่างกันมาก เมื่อเทียบกับ Xbox 360 รุ่น Arcade หรือเครื่อง Wii
ไม่ว่าแฟนบอยโซนี่จะอ้างว่า PS3 ก็เปรียบเหมือนกับรถยนต์หรูเมื่อเทียบกับเครื่องเกมอื่น ๆ แต่สิ่งที่โซนี่ไม่สามารถให้ได้กับผู้บริโภคทั่วไปคือ "ราคาที่เอื้อมถึง" ไม่ว่ามันจะคุ้มค่าหรือไม่ ผู้บริโภคแค่อยากจะประหยัดเท่านั้น
แน่นอน โซนี่ไม่โง่ โซนี่รู้เรื่องนี้ดี และแน่นอน จากมุมมองของโซนี่ โซนี่สามารถขยาย Market Share ในส่วนนี้ได้ด้วยการกดราคาลงไปอีก แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือสภาพเศรษฐกิจขนาดนี้ ที่กดดันให้การทำกำไรนั้นสำคัญกว่าการขยายฐานตลาดผู้ใช้ และแน่นอนที่สุด โซนี่จะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้ถือหุ้นพอใจ นั่นก็คือการทำให้ธุรกิจส่วน PS3 นั้นไม่มีตัวเลขเป็นสีแดงซักที
สรุป โซนี่ตกอยู่ที่นั่งลำบาก ถ้าอยากทำกำไร จะต้องตั้งราคาแบบนี้ สูง ๆ หน่อย แต่การทำแบบนี้ จะเป็นการขัดกับจุดประสงค์ของตัวเองแต่แรก ที่ต้องการผลักดันเครื่องเล่นเกมนี้ จากมุมมองของผู้บริโภค การประหยัดในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
นาย Don ได้สรุปว่า ส่วนพนักงานและบริหารฝ่าย Game หรือ PS3 ของโซนี่คงต้องการตัดราคาของ PS3 ให้ได้ เพราะรู้ ๆ อยู่ว่าราคาเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของความสำเร็จ แต่การที่เจอปัญหาเศรษฐกิจแบบนี้ การขาย PS3 ที่มีต้นทุนที่ USD448.73 ที่ราคา USD299 ราคาที่โซนี่อยากขายคงเป็นการฆ่าตัวตายชัด ๆ
โซนี่ ...ลำบากจริง
ที่มา - C|net