รีวิว Wiko View 2 Pro สมาร์ทโฟนราคาต่ำหมื่น ทางเลือกสำหรับคนงบน้อย

by RoseGold
3 June 2018 - 13:26

หลายปีแล้วที่ Wiko แบรนด์สมาร์ทโฟนสายเลือดฝรั่งเศสเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เน้นทำราคาตั้งแต่ 2,000 บาท ขึ้นไป แต่ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

ล่าสุด Wiko เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ Wiko View 2 Pro มากับดีไซน์ตามเทรนด์และสเปกที่พร้อมใช้งานทั่วไป

ตัวเครื่อง

Wiko View 2 Pro มาพร้อมหน้าจอ Full Screen ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19:9 ที่ให้พื้นที่การแสดงผลที่กว้างขึ้น และมี Notch screen หรือที่หลายคนเรียกว่ารอยแหว่ง ซึ่งฮิตเหลือเกินในสมาร์ทโฟนยุคนี้ วัสดุด้านหน้าเป็นกระจกแบบ 2.5D ส่วนกรอบตัวเครื่องเป็นโลหะ

ฝาหลังใช้วัสดุที่คล้ายกระจกที่มีความมันเงา ที่แม้จะให้ความรู้สึกพรีเมียม แต่ระหว่างหยิบจับก็เกิดรอยนิ้วมือ รวมถึงฝุ่นเกาะได้ง่ายเช่นกัน

กล้องด้านหลังมาพร้อมเลนส์คู่แนวตั้งที่นูนออกมาเล็กน้อย ถัดลงมาเป็นแฟลช Dual-tone LED และมีปุ่มสแกนลายนิ้วมือ

พอร์ทสำหรับชาร์จและโอนถ่ายข้อมูลเป็น USB 2.0 ที่ขนาบข้างด้วยลำโพงทั้งซ้ายและขวา ส่วนพอร์ทหูฟังขนาด 3.5 มม. ยังมีมาให้อยู่ในตำแหน่งขอบด้านบนของตัวเครื่อง

ด้านขวาของตัวเครื่องเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง กับปุ่ม Power/ปิดหน้าจอ

ถาดใส่ซิมอยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง รองรับซิมประเภท Nano SIM ได้ 2 ซิม แต่หากต้องการใส่ microSD card ก็จะใช้ได้แค่ซิมเดียวเท่านั้น

การใช้งานทั่วไป

Wiko View 2 Pro ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 450 แรม 4GB มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo เป็น Pure Android ที่เน้นความเรียบง่ายเพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลมากที่สุด ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่จะได้ไปต่อกับ Android เวอร์ชั่นถัดๆ ไป

ด้วยความเป็น Pure Android จึงแทบไม่มีฟีเจอร์ใดที่เป็นจุดเด่นนัก โดยภาพรวมจากการใช้งานทั่วไปเท่าที่ลองใช้ Facebook เลื่อน News Feed เร็วๆ ยังมีหน่วงอยู่บ้าง ขณะเดียวกันการเล่นเกมยอดนิยมอย่าง ROV ผมลองปรับคุณภาพกราฟิกเป็นระดับสูงทั้งหมด พบว่าค่าเฟรมเรตจะแกว่งๆ เล็กน้อย อยู่ระหว่าง 29-30 FPS ซึ่งประสิทธิภาพในระหว่างต่อสู้ก็ถือว่าทำได้ลื่นพอสมควร ยังไม่พบอาการหน่วงหรือสะดุด แต่ในขณะที่เราถือเล่นเกมอยู่นั้นมือข้างขวาจะบังเสียงที่ออกจากลำโพง ทำให้อรรถรสของเสียงที่ได้ยินลดลง

ข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่าเวลาเล่นเกม ROV พื้นที่การแสดงผลจะถูกตัดแบ่งลงมาเล็กน้อยให้เป็น 16:9 ไม่กินพื้นที่ไปถึงรอยแหว่ง ส่วนการดูคลิปจาก YouTube พบว่าบางคลิปจะถูกกำหนดให้แสดงผลจนถึงรอยแหว่งแบบตายตัว แต่บางคลิปก็สามารถย่อขยายการแสดงผลให้เป็น 16:9 หรือแสดงผลแบบเต็มพื้นที่ 19:9 ก็ได้

ระบบปลดล็อกหน้าจอด้วยสแกนใบหน้า

อย่างที่ทราบกันดีว่าสมาร์ทโฟน Android สมัยใหม่ เพิ่ม Face Unlock หรือสแกนใบหน้า เข้ามาด้วย เพื่อช่วยในการปลดล็อกหน้าจอ นอกจากวิธีเดิมๆ เช่น การสแกนลายนิ้วมือ หรือการใส่รหัส ซึ่งระบบสแกนใบหน้าใน Wiko View 2 Pro เป็นแบบ 2D ที่จะจดจำเพียงใบหน้าตั้งตรงของเราเท่านั้น ซึ่งจากที่ทดลองใช้นั้นการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอสามารถทำได้แม้ในขณะหน้าจอดับอยู่ ซึ่งการปลดล็อกยังทำได้ไม่เร็วอย่างที่คาดหวัง ส่วนการใช้งานในที่แสงน้อยพบว่าหากใช้งานในห้องที่ยังมีแสงไฟผ่านเข้ามาบ้างก็ยังสามารถปลดล็อกได้ แต่บางครั้งก็มีอาการรวนๆ สแกนไม่ติดบ้าง

กล้องถ่ายภาพ

Wiko View 2 Pro มากับกล้องหลังคู่ความละเอียด 16 + 8 ล้านพิกเซล ซึ่งสามารถถ่ายปกติและภาพมุมกว้าง 120 องศาได้ รูรับแสง f/1.75 ช่วยถ่ายภาพในที่แสงน้อย และแฟลช Dual-tone LED

UI ของกล้องใช้งานไม่ยาก ในหน้าหลักสามารถเลือกเปิด-ปิดแฟลช, Auto-HDR, ปรับอัตราส่วนของภาพ, ฟิลเตอร์, เลือกโหมดถ่ายภาพมุมกว้าง, พาโนรามา, ถ่ายวีดีโอ, โหมด Live Artistic Blur และ Face Beautyนอกจากโหมดที่กล่าวมา ใน Wiko View 2 Pro ยังมีโหมดถ่ายภาพมืออาชีพ, Super Pixel, ถ่ายภาพกลางคืน รวมไปถึง Slow motion อีกด้วย

โหมดถ่ายมุมกว้าง : จะมีไอคอนรูปต้นไม้อยู่เหนือปุ่มชัตเตอร์ คอยสลับไปมาระหว่างการถ่ายปกติได้ง่าย เหมาะแก่การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ นอกจากนี้ในการใช้โหมดถ่ายภาพมุมกว้าง ระบบจะปรับไปใช้เลนส์ตัวรองที่มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยอัตโนมัติ ยิ่งไปกว่านั้นโหมดนี้ยังใช้ได้กับการถ่ายวีดีโอได้ด้วย

ตัวอย่างภาพถ่ายมุมปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายมุมกว้าง

Live Artistic Blur : โหมดสำหรับถ่ายภาพในลักษณะหน้าชัดหลังเบลอ สามารถปรับระดับความเบลอของฉากหลังได้ตั้งแต่ 0 - 100 เมื่อเลือกโหมดนี้จะมีข้อความกำกับว่าให้เราถ่ายภาพภายใน 2 เมตร ซึ่งเข้าใจว่าเป็นตัวช่วยที่ทำให้การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอออกมาดีที่สุด

ตัวอย่างภาพจากโหมด Live Artistic Blur

ประสิทธิภาพโดยรวมกล้องหลังในช่วงกลางวันถือว่าค่อนข้างดี สีของภาพเป็นธรรมชาติ ในส่วนของการถ่ายภาพช่วงกลางคืนยังมี noise หรือจุดบนภาพเยอะพอสมควร แม้จะเปิดโหมดถ่ายภาพกลางคืนเข้าช่วย แต่เท่าที่สังเกตเห็น คือ ช่วยลด noise ลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้เพิ่มความคมชัดให้มากขึ้นจากโหมดปกติแต่อย่างใด

ตัวอย่างภาพถ่ายกลางคืน

สำหรับกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งใน UI หลักถอดแบบมาจากกล้องหลัง จะมีที่เพิ่มเข้ามา คือ Portrait Blur ว่ากันง่ายๆ เลย คือ โหมดถ่ายบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอที่สามารถปรับระดับความเบลอของฉากหลังได้ตั้งแต่ 0 - 100 เช่นเดียวกับโหมด Live Artistic Blur แต่โหมดนี้จะไม่สามารถใช้พร้อมกับโหมด Face Beauty ได้

สรุป

ในแง่ของการใช้งานทั่วไป ไม่เน้นการใช้งานหนักๆ ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี ส่วนกล้องถ่ายภาพในมุมมองส่วนตัวคิดว่าการถ่ายภาพในสภาพแสงกลางวันยังทำได้ดี แต่การภาพในที่แสงน้อยยังมีจุดที่ต้องปรับปรุง ซึ่งคุณภาพโดยรวมถือว่าพอรับได้กับราคา 7,990 บาท นอกจากนี้ในความเป็น Pure Android ทำให้ไม่มีแอพจากทาง Wiko หรืออื่นๆ ติดตั้งมาแต่แรก ช่วยลดปัญหาซอฟต์แวร์กินพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง ส่วนระบบปฏิบัติการ Android จะได้ไปต่อในเวอร์ชั่นถัดๆ ไปหรือไม่ ก็ต้องลุ้นกันครับ

Blognone Jobs Premium