แอปเปิลเปิดตัว iOS 12 ในงาน WWDC 2018 โดยยังคงรองรับอุปกรณ์เท่ากับ iOS 11 นั่นคือย้อนกลับไปถึงปี 2013 (iPhone 5s)
ของใหม่ใน iOS 12 มีหลายอย่าง ตั้งแต่ปรับปรุงประสิทธิภาพให้ทำงานเร็วขึ้น, เปิด Siri ให้เชื่อมต่อแอพอื่นๆ, ฟีเจอร์ด้าน AR พร้อมแอพใหม่ Measure, ปรับปรุงแอพเก่าหลายตัวให้รองรับ iPad, ฟีเจอร์ที่ช่วยลดการติดมือถือ ช่วยคุมเวลาการใช้งานหน้าจอ
แอปเปิลบอกว่าการอัพเดตระบบปฏิบัติการยังเป็นจุดแข็งของแอปเปิลเสมอ โดย iOS 11 มีอัตราการอัพเดตถึง 81% ของอุปกรณ์ทั้งหมด เทียบกับ Android ที่มีการอัพเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพียง 6% เท่านั้น
ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญของ iOS 12 คือเน้นรีดประสิทธิภาพ (optimization) โดยแอปเปิลยกตัวอย่าง iPhone 6 Plus ที่เปิดแอพได้เร็วขึ้น 40%, แสดงผลคีย์บอร์ดเร็วขึ้น 50%, เปิดกล้องเร็วขึ้น 70%, แสดงหน้าจอแชร์ได้เร็วขึ้น 2 เท่าแม้เครื่องกำลังทำงานหนัก
แอปเปิลจับมือกับ Pixar พัฒนาฟอร์แมตไฟล์สำหรับ AR ฟอร์แมตใหม่ชื่อว่า USDZ (Universal Scene Detection) เน้นขนาดเล็กเหมาะแก่การแชร์โมเดล 3D/AR ให้คนอื่นๆ
แอพใหม่ด้าน AR ที่แอปเปิลเพิ่มเข้ามาใน iOS 12 คือ Measure แอพช่วยวัดขนาดของวัตถุแบบ 3D โดยใช้กล้องช่วย แล้วเราลากเส้นที่ต้องการเพื่อวัดความยาวของวัตถุในโลกจริง
ARKit ก็ออกเวอร์ชัน 2.0 มีของใหม่หลายอย่าง เช่น หน้าจอแชร์ฉาก AR ที่ปรากฏบนหน้าจอของเรา, ปรับปรุงประสบการณ์เล่นเกม AR ร่วมกันระหว่างอุปกรณ์หลายชิ้น, สามารถเซฟสถานะของโลก AR เก็บไว้เล่นต่อในอนาคต
แอพ Photos ปรับปรุงระบบค้นหารูปภาพ แยกตามบุคคล สถานที่ วัตถุในภาพ เหตุการณ์ (คล้ายกับ Google Photos), เพิ่มแท็บ For You ย้อนภาพสำคัญในอดีตมาให้ระลึกถึง, แนะนำเอฟเฟคต์สำหรับภาพในอดีต, Sharing Suggestions แนะนำว่าควรแชร์ภาพไปให้เพื่อนคนไหนบ้าง และเพื่อนสามารถแชร์ภาพจากเหตุการณ์เดียวกัน กลับมาในอัลบั้มเดิมให้ได้ด้วย
เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Shortcut เปิดให้แอพอื่นๆ สามารถเชื่อมต่อกับ Siri ได้ เช่น แอพตามหากุญแจ สามารถเพิ่มคำสั่ง Siri, I lost my keys ให้กับ Siri ตามหากุญแจให้ได้
ในมุมของผู้ใช้งาน จะเห็นปุ่ม Add to Siri ในแอพต่างๆ เพื่อเพิ่มคำสั่ง Shortcut จากแอพนั้นไปยัง Siri ได้ทันที (ปรับคำสั่งเสียงได้ตามใจชอบของผู้ใช้แต่ละคน)
ฝั่งของ iOS เองจะมีแอพตัวใหม่ชื่อ Shortcut เพิ่มเข้ามา ซึ่งเป็นหน้าจอรวม Shortcut จากทุกแอพนั่นเอง
แอพ Shortcut ใช้ได้บน iPhone, iPad ส่วนคำสั่งเสียงใช้กับ Apple Watch และ HomePod ได้ด้วย
Siri ยังมีบทบาทช่วยแนะนำสิ่งต่างๆ ให้เรามากขึ้น พยายามเดาสิ่งที่เราน่าจะสนใจหรือน่าจะทำ เช่น ปิดเสียงตอนดูหนัง อวยพรวันเกิดเพื่อน โดยจะแสดงขึ้นมาบนหน้า lock screen เลย
Apple News ปรับปรุงหลายอย่าง ปรับหน้าตาโดยเพิ่ม sidebar บน iPad
Stock ปรับโฉมใหม่ เพิ่มเส้นกราฟ sparkline, ดึงข้อมูลข่าวจาก Apple News มาแสดง, รองรับ iPad แล้ว
Voice Memo รองรับ iPad แล้ว, ซิงก์ไฟล์เสียงผ่าน iCloud ได้
iBook เปลี่ยนชื่อเป็น Apple Book เพิ่มฟีเจอร์ Reading Now แสดงหนังสือที่อ่านค้างอยู่
CarPlay รองรับระบบนำทางค่ายอื่นแล้ว ที่มีไอคอนมาแสดงคือ Google Maps, Waze
ตามข่าวหลุดก่อนหน้านี้ iOS 12 เพิ่มฟีเจอร์หลายอย่างที่ช่วยลดการรบกวนหรือการติดมือถือลง
Do-not-Disturb ปิดการแจ้งเตือนในตอนกลางคืนหรือในเวลาที่กำหนด และเปิดกลับมา
ปิด Notification ของแอพนั้นๆ จาก Notification ได้แล้ว ไม่ต้องเข้าไปยังหน้า Settings ให้ยุ่งยาก
รองรับการจัดกลุ่ม Notification แล้ว ไม่เพียงแค่แยกตามแอพ แต่แยกตามหมวดได้ด้วย
รายงานการใช้งานสมาร์ทโฟนของเรา ว่าใช้ไปนานแค่ไหน พร้อมการแจ้งเตือนว่าหมดโควต้าการใช้งานแอพนั้นแล้ว
Animoji รองรับการแลบลิ้นแล้ว
ของใหม่ Memoji ปรับแต่ง Animoji ให้หน้าตาเหมือนเราได้ (ฟีเจอร์เดียวกับ Galaxy S9 แต่หน้าตาสวยกว่ามาก)
Group FaceTime รองรับการสนทนาวิดีโอหลายคนพร้อมกัน (สูงสุด 32 คน) แถมผนวกเข้ากับ Messages สามารถเริ่มสนทนาจากในกรุ๊ปแชทได้เลย