สำนักข่าว Bloomberg รายงานพิเศษ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการขนส่งสินค้าด้วยโดรน ซึ่งตอนนี้ประเทศจีนมีความล้ำหน้ากว่าประเทศอื่นมาก เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการทดสอบ
โดย JD.com อีคอมเมิร์ซรายใหญ่เบอร์สองของจีน ซึ่งที่ผ่านมาโฟกัสการพัฒนาเทคโนโลยีขนส่งสินค้าด้วยโดรนมาตลอด เผยว่าปัญหาใหญ่ในการขนส่งสินค้าของจีน คือการมีพื้นที่กว้างมาก และมีพื้นที่ห่างไกลหลายจุด ประเมินว่ามีประชากรจีนอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลแบบนี้กว่า 570 ล้านคน
Cui Zheng ผู้ดูแลโครงการโดรนส่งสินค้าของ JD.com บอกว่าเป้าหมายของบริษัทคือทำให้คนในพื้นที่ห่างไกลนี้ ซื้อสินค้าได้ด้วยประสบการณ์เดียวกับคนเมือง และมีราคาที่เท่ากัน แต่ปัจจุบันการขนส่งแบบเดิมในพื้นที่เหล่านี้ มีต้นทุนสูงกว่าถึง 5 เท่า บางจุดหมายต้องเดินทางข้ามภูเขาหลายชั่วโมง การส่งสินค้าด้วยโดรนที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า และส่งได้เร็วกว่าคือคำตอบ
ปัจจุบันกรมการบินพลเรือนของจีน (CAAC) ได้อนุญาตให้ JD.com และบริษัทขนส่งสินค้า SF Holding เริ่มส่งสินค้าด้วยโดรนได้แล้วในพื้นที่ห่างไกล และเตรียมร่วมกันพัฒนาเครือข่ายขนส่ง ให้รองรับอากาศยานไร้คนขับที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งจะรองรับการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ และเป็นการจัดระเบียบน่านฟ้าไปพร้อมกัน จีนนั้นได้เปรียบกว่าพื้นที่อื่น เนื่องจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ และการกระจายตัวของประชากร ทำให้เอื้อต่อการทดสอบ
JD.com ยังเผยว่านอกจากจีนแล้ว บริษัทยังเริ่มทดสอบการขนส่งสินค้าด้วยโดรนในแทนซาเนีย, อินโดนีเซีย และไทย
ด้าน Alibaba แม้จะเน้นการขนส่งสินค้าด้วยพาร์ทเนอร์เป็นหลัก แต่บริษัทในเครือ Cainiao ก็เริ่มพัฒนาโดรนส่งสินค้าด้วยเช่นกัน โดยการทดสอบล่าสุดสามารถส่งสินค้าคราวละจำนวนมาก ในระยะ 1,500 กิโลเมตรได้แล้ว ขณะเดียวกัน Ele.me บริการส่งอาหารในเครือ ก็เริ่มทดสอบการส่งอาหารด้วยโดรนในบางพื้นที่แล้ว
สิ่งท้าทายหน่วยงานรัฐ หากการส่งสินค้าด้วยโดรนประสบผลสำเร็จดี และนิยมใช้กันมากขึ้น ก็คือการออกกฎระเบียบควบคุมการจราจรน่านฟ้า ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจนนัก โดยเฉพาะกับโดรนขนาดเล็ก
ที่มา: Bloomberg