ในช่วงปีที่ผ่านมา หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงของสมาร์ทโฟนกลุ่มเรือธงที่ชัดที่สุดคือเรื่องราคา ที่กระโดดจากช่วง 2-3 หมื่นขึ้นไปเป็นช่วง 3-4 หมื่น ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสเปคและดีไซน์ที่ไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนัก
อย่างไรก็ตามมีผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่วางขายในไทย 3 เจ้าที่แหวกขนบด้วยการเปิดตัวเรือธงในราคาต่ำ 2 หมื่นได้แก่ Mi Mix 2s, Zenfone 5z และ OnePlus 6 ซึ่ง Mi Mix 2s เราได้รีวิวไปแล้ว ขณะที่ Zenfone 5z และ OnePlus 6 วางขายในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งผมก็มีโอกาสได้ทดลองใช้งานทั้งสองรุ่นพร้อมๆ กัน เลยนำมารีวิวเปรียบเทียบพร้อมกันเลยครับ
ในแง่ดีไซน์ทั้งสองรุ่นต่างกันไม่มาก หน้าจอกินพื้นที่เต็มด้านหน้า มีรอยบากตรงกลาง ขนาดหน้าจอก็ใกล้เคียงกันที่ 6.2 นิ้ว ความละเอียด 2246 x 1080 แพแนลหน้าจอ IPS ในส่วนของ Zenfone 5z ขณะที่ OnePlus 6 อยู่ที่ 6.28 นิ้ว ความละเอียด 6.28 นิ้วความละเอียด 2246x1080 แพแนล AMOLED
ขณะที่รอยบากของ Zenfone 5z จะกว้างกว่า OnePlus 6
ปุ่มหรือพอร์ทรอบๆ เครื่องทั้งสองรุ่นไม่แตกต่างกัน ยกเว้น OnePlus 6 มีปุ่มพิเศษด้านขวาบน เหนือปุ่มล็อกหน้าจอ เป็นสวิตช์เลื่อนขึ้นลงได้ 3 ระดับสำหรับปรับโหมดของเครื่องได้แก่ เปิดเสียง (Ring) เปิดโหมดสั่น (Vibrate) และปิดเสียง (Mute) คล้ายๆ กับสวิตช์ของ iPhone
พอร์ทเป็น USB-C เหมือนกัน พร้อมพอร์ทหูฟัง 3.5มม.
ขอเริ่มจากเรื่องหน้าจอของทั้งสองรุ่น ที่โดดเด่นไปในทางเดียวกันคือให้สีที่สด สว่าง (เปิดตอนกลางคืนมืดๆ มีแสบตา) สามารถเดินใช้งานกลางแสงแดดได้สบาย จุดแตกต่างของทั้งสองรุ่นมีเพียงอย่างเดียวคือโทนสีของ Zenfone 5z จะติดโทนเหลืองกว่า OnePlus 6 อยู่เล็กน้อย เมื่อเปิดเทียบกัน (แต่ไม่ได้เด่นชัดออกมาจนรู้สึกได้)
ด้วยความที่ทั้งสองรุ่นเพิ่มรอยบาก (notch) เข้ามา ย่อมส่งผลต่อการแสดงการแจ้งเตือนโดยทั้งสองรุ่นกองการแจ้งเตือนเอาไว้ด้านซ้ายหมดเหมือนกัน
Zenfone 5z ยังคงตำแหน่งนาฬิกาไว้ด้านขวา แต่ย้ายเอาสถานะ Wi-Fi และสถานะอินเทอร์เน็ต (3G/4G) มาไว้ด้านซ้ายสุด (เปิดดาต้าจากอันไหนจะขึ้นสถานะอันนั้น) ทำให้การแจ้งเตือนเหลืองเพียง 2 แอปเท่านั้น ส่วน OnePlus 6 ย้ายนาฬิกามาด้านซ้ายเหมือนใน Android P และสามารถแสดงผลการแจ้งเตือนได้ 3 แอป ส่วนที่เหลือจะขึ้นเป็นจุดไข่ปลาเหมือนกัน
อีกหนึ่งความแตกต่างที่ค่อนข้างรู้สึกได้ชัดคือน้ำหนัก โดย OnePlus 6 หนักกว่าที่ 177 กรัม ส่วน Zenfone 5z อยู่ที่ 155 กรัม แต่ทว่าเมื่อใช้งานจริงส่วนตัวกลับชอบ OnePlus 6 มากกว่า เพราะรู้สึกว่าหนักแบบถ่วงพอดีมือ ให้ความรู้สึกว่าตัวเครื่องถือติดมือ ไม่หล่น
ทั้งสองรุ่นรองรับการสแกนลายนิ้วมือและสแกนหน้าจอเหมือนกัน ในแง่ของความเร็วในการสแกนลายนิ้วมือ OnePlus 6 เร็วกว่า Zenfone 5z เล็กน้อย ในระดับที่ไม่มีนัยยะสำคัญ
ส่วนสแกนใบหน้าเร็วพอๆ กัน และทั้งสองรุ่นเราสามารถเลือกได้ว่าจะสแกนใบหน้าแล้วปลดล็อคเลย หรือสแกนแล้วยังคงหน้า Lock Screen เอาไว้เพื่อดูการแจ้งเตือน แล้วค่อยเลื่อนขึ้นเพื่อเข้าหน้าโฮมเองเหมือน iPhone X ซึ่งจุดนี้เป็น pain point จากการใช้งานการสแกนใบหน้าบนแอนดรอยด์หลายๆ รุ่นที่พอกดปุ่มล็อคหน้าจอแล้วเครื่องจะปลดล็อคเลย ทั้งๆ ที่แค่อยากจะดูการแจ้งเตือนเท่านั้น (หลายๆ รุ่นที่เคยใช้มาอาจสามารถตั้งค่าได้เหมือนกันแต่ผมอาจจะไม่เจอ)
ในแง่ประสิทธิภาพ ทั้งสองรุ่นเป็นเรือธงทั้งคู่ ชิปเซ็ต Snapdragon 845 แรมเริ่ม 6GB (ที่รีวิว Zenfone 5z เป็น 6GB ส่วน OnePlus 6 แรม 8GB) เลยไม่มีปัญหาใดๆ เล่นเกมเปิดกราฟิคสุดก็ยังไหลลื่น
อย่างไรก็ตาม Zenfone 5z ยังคงครอบมาด้วย ZenUI ของ ASUS แต่ที่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเก่าๆ คือ UI มีความลื่นมากขึ้น ไม่กระตุกไม่หน่วง และแอนิเมชัน (เปิดปิดหรือเปลี่ยนแอป) เร็วกว่า Zenfone รุ่นเก่าๆ อย่างรู้สึกได้
ขณะที่ OnePlus 6 ครอบด้วย OxygenOS ซึ่งเป็นรอมที่ OnePlus ทำขึ้นมาเอง ยังคง UI/UX ได้ไว้เหมือนเพียวแอนดรอยด์อย่าง Pixel อยู่เช่นเดิม ยกเว้นมีการปรับแต่งฟีเจอร์ประปราย เพิ่มเติมขึ้นมา อาทิ แต่งแถบ Navigation Bar หรือแถบสำหรับซ่อนแอปใน App Drawer
ความแตกต่างเดียวในแง่ซอฟต์แวร์คือ OnePlus 6 ได้รับอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยรายเดือนทุกๆ 2 เดือนและการันตีอัพเดต 2 ปี โดยเครื่องที่รีวิวก็ได้รับแพตช์ล่าสุดเดือนพฤษภาคมด้วย ทว่า Zenfone 5z กลับไม่ได้รับคำยืนยันเรื่องการอัพเดตใดๆ จาก ASUS แต่อย่างน้อยชื่อเสียงของ ASUS ก็ยังมีในแง่ของการอัพเดตให้เรื่อยๆ ไม่แพ ซึ่งดีกว่าแบรนด์จีนด้วยกันหลายๆ เจ้า โดยแพตช์ความปลอดภัยรุ่นที่รีวิวคือเดือนเมษายน
ทั้งสองรุ่นให้แบตเตอรี่มาเท่ากันที่ 3,330 mAh เพียงพอต่อการใช้งานทั้งวัน แม้จะมีดู Netflix/YouTube หรือเล่นเกมระหว่างวันด้วย ขณะที่ความเร็วในการชาร์จก็ใกล้เคียงกัน โดยระยะเวลาที่ 25-30 นาที ได้แบตเตอรี่จากราว 5% ขึ้นมาที่ 50% ซึ่งก็เพียงพอต่อการใช้งานต่อทั้งวัน และชาร์จราวว 1 ชั่วโมงแบตเตอรี่ขึ้นมาที่ 90%++
อย่างไรก็ตาม Zenfone 5z มาพร้อมกับระบบ AI ที่เรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จแบตเตอรีของผู้ใช้ เช่นเมื่อชาร์จตอนนอน ระยะเวลาในการชาร์จจาก 50-60% ไปจนถึง 90% จะทิ้งช่วงนานกว่าปกติ และไปเร่งชาร์จจาก 90-100% ให้ก่อนตื่น เพราะเคยเจอชาร์จทิ้งไว้แล้วเปิดเครื่องดูตอนตี 3 แบตเตอรีอยู่ที่ 80% กว่าๆ เท่านั้น
กล้องหลังของทั้งสองรุ่นเป็นกล้องคู่ โดย OnePlus 6 คือ 16 + 20 ล้านพิกเซล, f/1.7 ส่วน Zenfone 5z คือ 12+8 ล้านพิกเซล, f/1.8 ขณะที่ภาพจริงที่ออกมา รู้สึกถึงความแตกต่างกันแค่ White Balance และสีเป็นหลักเท่านั้น (โหมดออโต้ / Auto HDR)
OnePlus 6 จะไม่มีโลโก้
Wide Angle Lens ของ Zenfone 5z กับโหมดขนาด 19:9 บน OnePlus 6
โหมด Portrait
ในภาพรวมทั้งสองรุ่นไม่มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดมากขนาดนั้น หน้าจอสวย กล้องดี แบตเตอรีเพียงพอต่อการใช้งาน ดังนั้นข้อพิจารณาสำหรับคนที่สนใจมีเพียง 3 ข้อหลักๆ