อาการติดเกมนั้นเรียกได้ว่าไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ใช่ว่าจะมีแต่เด็กหรือวัยหนุ่มสาวเท่านั้นที่ชอบเล่นเกม ผู้ใหญ่บางคนก็ติดเกมงอมแงม หลายคนยอมควักเงินมากมายเพื่อเติมเต็มความสุขให้ตนเองผ่านการจับจ่ายซื้อของในเกม
เช่นเดียวกับรองผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นรายหนึ่งที่แม้จะอายุมากกว่า 40 ปีแล้ว แต่ก็ชอบเล่นเกมมือถือเสียเหลือเกิน ยอมเสียเงินมากมายเพื่อซื้อของในเกม ทว่าปัญหาก็คือผู้ชายคนนี้ไม่ได้ใช้เงินตัวเองมาซื้อ แต่ขโมยเงินมาจากกองทุนเพื่อการศึกษาที่ตัวเองดูแลอยู่
ชายติดเกมผู้นี้เข้าทำงานในตำแหน่งรองผู้อำนวยการของ Kyoto University of Education ตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2015 ซึ่งมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นสถาบันที่ผลิตครู, อาจารย์ และนักการศึกษาโดยเฉพาะ หนึ่งในหน้าที่ของรองผู้อำนวยการท่านนี้คือการดูแลกองทุนเพื่อการศึกษา ซึ่งได้รับเงินมาจากผู้ปกครองของนักศึกษาเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมเพื่อการเรียนการสอน และส่วนหนึ่งเพื่อเป็นทุนสำหรับการศึกษาต่อต่างประเทศของนักศึกษา
แต่แทนที่จะดูแลเงินในกองทุนให้งอกเงย รองผู้อำนวยการรายนี้ดันขโมยเอาเงินออกมาใช้จ่ายส่วนตัว ส่วนหนึ่งเพื่อซื้อของและเติมเงินในเกมที่ตนเองเล่น อีกส่วนหนึ่งก็นำไปซื้อโมเดลมือสอง โดยมูลค่าเงินที่เขาเอามาใช้จ่ายส่วนตัวนี้สูงถึบง 7.7 ล้านเยน (ประมาณ 2.3 ล้านบาท)
เรื่องมาแดงก็ตอนที่รองผู้อำนวยการคนนี้ได้รับคำสั่งย้ายไปกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ชายติดเกมผู้นี้ได้ย้ายไปทำงานในตำแหน่งใหม่ แต่กลับไม่ส่งต่อเอกสารทางบัญชีและบันทึกค่าใช้จ่ายให้กับผู้ที่มารับช่วงดูแลกองทุนเพื่อการศึกษาของ Kyoto University of Education ต่อจากเขา การสืบสวนจึงเริ่มขึ้นจากตอนนั้น
ถึงที่สุดรองผู้อำนวยการตัวดีก็ยอมรับสารภาพเรื่องที่ขโมยเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว และยินยอมควักเงินตัวเองมาชดใช้คืนให้แก่ทางมหาวิทยาลัยเต็มจำนวน อย่างไรก็ตามน่าแปลกที่ทางมหาวิทยาลัยไม่ดำเนินการทางกฎหมายกับรองผู้อำนวยการรายนี้ ซึ่งตอนนี้ก็ต้องดูกันต่อว่าต้นสังกัดใหม่ในฐานะหน่วยงานใหญ่ระดับกระทรวงจะดำเนินการสืบสวนและเอาผิดทางกฎหมายกับรองผู้อำนวยการรายนี้หรือไม่
ที่มา - SoraNews24