ก่อนหน้านี้เราเห็นข่าวบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ 2 เจ้าแสดงความเป็นห่วงการติดสมาร์ทโฟน/แอปของผู้ใช้ในเวลาไล่ๆ กัน อย่างเฟซบุ๊กที่เปิดตัวฟีเจอร์บอกเวลาที่เราใช้งานแอปและแจ้งเตือนเมื่อใช้เกินลิมิต, ฟีเจอร์ Digital Wellbeing บนแอนดรอยด์จาก Google และ YouTube
ด้วยความที่ Digital Wellbeing เป็นฟีเจอร์บนแอนดรอยด์ที่ในอนาคตน่าจะได้ใช้กัน รวมถึงเป็นตัวช่วยแจ้งเตือนและควบคุมการใช้งานมือถือในภาพรวม ไม่ใช่แค่แอปหนึ่งๆ ประกอบกับเริ่มเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปทดสอบเวอร์ชันเบต้าแล้ว เลยอยากจะขอเขียนถึงสักเล็กน้อยครับ
ตอน Android Pie ถูกปล่อยออกมา Google ระบุว่าจะทดสอบได้เฉพาะบน Pixel เท่านั้น และต้องลงทะเบียน ก่อนที่จะได้รับอีเมลเพื่อยืนยันเข้าร่วมการทดสอบ (ผมรออีเมลนานมาก หลักวัน)
ทว่าผมมาพบว่า Google เปิดให้ลงทะเบียนทดสอบ Public Beta อีกช่องทาง ผ่าน Play Store และเหมือนรุ่นอื่นที่ได้ Android Pie ก็สามารถร่วมทดสอบได้ด้วย โดยตอนนี้มีเฉพาะ Essential Phone เท่านั้น
เมื่อโหลดมาแล้ว Digital Wellbeing จะไม่ได้เป็นแอปแยก แต่เป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาในหน้า Setting และต้องให้สิทธิ Digital Wellbeing เข้าถึงโหมด Do not Disturb ก่อนด้วย
หน้าหลักของ Digital Wellbeing อย่างที่คุ้นๆ กันจะเป็น Pie Chart บอกเวลาที่เราใช้งานมือถือ (Screen time) แอปที่เราใช้งานหลักๆ และเวลาของแต่ละแอป ไปจนถึงจำนวนครั้งที่เราปลดล็อคโทรศัพท์ (Unlocks) และจำนวนการแจ้งเตือนที่เราได้รับ (Notifications)
เมื่อกดเข้ามาที่ Dashboard จะแสดงกราฟเปรียบเทียบระยะเวลาการใช้งานมือถือในแต่ละวัน ส่วนด้านล่างจะเป็นแอปที่ถูกเปิดใช้งานในวันนั้น เรียงลำดับตามระยะเวลาที่เปิดมากสุดไปน้อยสุด โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกตั้งเวลา App Timerได้จากตรงนี้เลยว่า แต่ละแอปเราจะสามารถใช้งานได้นานแค่ไหน มีให้เลือก 15 นาที, 30 นาที, 1 ชั่วโมงและเลือกเอง
เมื่อกดเข้าไปในแอป ก็จะมีกราฟบอกว่าแอปนี้เราใช้งานเยอะแค่ไหนใน 1 สัปดาห์ พร้อมตั้งเวลาได้อีกเช่นกัน
หลังจากตั้งเวลาแล้ว เราจะใช้งานแอปนั้นๆ ได้ตามปกติ โดยก่อนหมดเวลา 5 นาทีจะมีการแจ้งเตือนมาบอกว่าเวลาของแอปนั้นๆ ใกล้หมดแล้วนะ
เมื่อเวลาหมด ตัวแอปจะถูกตัดพร้อมแสดงข้อความ App Paused เวลาการใช้งานแอปหมดแล้ว และจะกลับมาใช้ได้อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ตัวแอปทั้งบนหน้าโฮมและ App Drawer จะเปลี่ยนเป็นสีเทา และไม่สามารถกดเปิดได้
เป็นฟีเจอร์ที่บังคับให้เราวางโทรศัพท์และเข้านอนได้ค่อนข้างดี การทำงานจะคล้ายๆ กับโหมดห้ามรบกวน คือเราสามารถตั้งเวลาเปิดปิดได้ ด้วยเลือกว่าจะเปิด Grey Scale (เปลี่ยนหน้าจอเป็นสีเทาทั้งหมด), Do not Disturb (โหมดห้ามรบกวน ไม่สั่น ไม่แจ้งเตือน) และ Night Light หรือเปลี่ยนหน้าจอเป็นสีโทนเหลืองหรือไม่ เมื่อ Wind Down ทำงาน
การจะวางมือจากมือถือและลดการใช้ก็ต้องอาศัยความตั้งใจและวินัยของผู้ใช้อยู่ดี เพราะ Digital Wellbeing เป็นเพียงเครื่องมือช่วยเหลือเราเท่านั้น ไม่ได้มีความสามารถในการบังคับการใช้งานได้ อย่างฟีเจอร์ App Timer และ Wind Down ที่เหมือนจะบังคับ ก็ยังสามารถถูกสั่งปิดการใช้งานได้อยู่ดี