จากการมาถึงของเกม RoV หรือ Realm of Valor เกม MOBA บนมือถือที่ตอนนี้ติดงอมแงมกันทั่วบ้านทั่วเมือง ส่งผลให้กระแสของ eSports ในประเทศไทยบูมขึ้นมาเป็นพลุแตก และ เริ่มมีคนให้ความสนใจรับชมการแข่งขัน eSports กันมากขึ้น
ทว่า หนึ่งในสิ่งที่หลายคนยังมีข้อสงสัยกันอยู่ ว่าทำไมบางทีมที่แพ้ไปแล้วยังมีสิทธิ์กลับมาแข่งขันต่อ จนพลิกกลับมาเป็นแชมป์ได้ในที่สุด ดังนั้น วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเรื่องนี้ผ่านการทำความรู้จักฟอร์แมตการแข่งขันที่เรียกว่า Double Elimination ซึ่งเป็นรูปแบบยอดนิยมสำหรับการแข่งขัน eSports
ทั่วไปแล้ว เรามักจะคุ้นเคยกับระบบแพ้คัดออก หรือ Single Elimination จากการแข่งขันกีฬาทั่วๆ ไป เช่น รอบตัดเชือกของฟุตบอลโลก ที่การแพ้เพียงครั้งเดียวจะถือว่าตกรอบทันที แต่ระบบ Double Elimination ที่มักเจอใน eSports ต้องแพ้สองครั้งถึงจะตกรอบ
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ขอยกตัวอย่างการประกบคู่ของ Arena of Valor World Cup 2018 ประกอบคำอธิบาย
ระบบ Double Elimination จะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 สาย คือ สายบน หรือ สายผู้ชนะ (Upper Bracket / Winner's Bracket) ในกรอบสีแดงหรือ สายล่าง หรือ สายผู้แพ้ (Lower Bracket / Loser's Bracket) ในกรอบสีน้ำเงิน
รูปแบบการแข่งขันจะประกบคู่แข่งกันไปเรื่อยๆ เหมือนการแข่งแบบแพ้คัดออกทั่วไป แต่จุดที่แตกต่างคือ
ตัวอย่าง
ไทย: ไทยเริ่มต้นที่สายบน เอาชนะไต้หวันและเกาหลีใต้มาได้ จึงเข้าชิงชนะเลิศในฐานะผู้ชนะจากสายบน
เกาหลีใต้: เกาหลีใต้เริ่มต้นที่สายบน เอาชนะจีนได้ แต่แพ้ไทย จึงต้องตกลงไปแข่งขันต่อที่สายล่าง ซึ่งเกาหลีใต้สามารถเอาชนะไต้หวันมาได้ จึงเข้าชิงชนะเลิศด้วยในฐานะของผู้ชนะจากสายล่าง
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเกิดข้อสงสัยว่า ทีมผู้ชนะจากสายบนที่ชนะมาตลอดแต่แพ้ในรอบชิงชนะเลิศ ก็เท่ากับว่าหมดสิทธิ์แก้ตัวเลย เท่ากับพวกเขาแพ้ครั้งเดียวแล้วตกรอบเลยสิ?
จริงๆ แล้ว การเป็นผู้ชนะจากสายบนนั้นมีข้อได้เปรียบบางประการอยู่ดังต่อไปนี้
ไม่จำเป็นเสมอไปที่ทุกการแข่งขันทุกทีมต้องเริ่มต้นการแข่งขันที่สายบน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรูปแบบของทัวร์นาเมนต์ตามที่ผู้จัดกำหนด ยกตัวอย่างเช่น ทัวร์นาเมนต์ The International 2018 ของ Dota 2
จากภาพ จะเห็นได้ว่า บางทีมจะเริ่มต้นการแข่งขันที่สายบน (กรอบสีแดง) หรือ สายล่าง (กรอบสีน้ำเงิน) ซึ่งตัวตัดสินว่าทีมใดจะได้อยู่ที่สายไหน มาจากลำดับในรอบแบ่งกลุ่มที่มีการแข่งขันกันก่อนหน้านี้นั่นเอง
ข้อดี: เปิดโอกาสให้ทีมพลาดได้หนึ่งครั้ง ทำให้ทีมสามารถแก้ตัวได้ในการแข่งขัน รวมถึง เปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้ตามเชียร์ทีมที่ตัวเองชอบได้มากขึ้น และ ช่วยแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเช่น ทีมใหญ่สองทีมเจอกันในรอบแรก ซึ่งหากใช้การแพ้คัดออก จะต้องมีทีมใดทีมหนึ่งกลับบ้านตั้งแต่รอบแรก
ข้อเสีย: ใช้ระยะเวลาในการจัดการแข่งขันมากกว่าระบบแพ้คัดออกธรรมดาถึงสองเท่า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อของใช้จ่ายของผู้จัดการแข่งขันทั้งในเรื่องค่าเช่าสถานที่หรือการบริหารจัดการต่างๆ