นอกจาก Xiaomi จะมีสมาร์ทโฟนหลายต่อหลายรุ่นเข้าทำตลาดในไทย ยังมีสินค้าประเภทอื่นมาขายด้วย หนึ่งในนั้น คือโน้ตบุ๊ก Xiaomi Mi Laptop Air 13.3" ที่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2018 ถือเป็นครั้งแรกที่ Xiaomi นำโน้ตบุ๊กมาวางขายในไทยอย่างเป็นทางการ
หลายคนอาจสนใจโน้ตบุ๊กของ Xiaomi กันมานาน ด้วยดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่าย แต่จัดสเปกมาเต็มทั้งซีพียู Intel Core i5-8250U และจีพียู GeForce MX150 ในราคาที่ไม่แรงตามสเปก (35,990 บาท) เรามาดูกันว่าลองใช้งานจริงแล้วเป็นอย่างไร
สเปกเครื่องที่นำมาทดสอบ มีดังนี้
Xiaomi Mi Laptop Air 13.3" ใช้โลหะเป็นวัสดุหลัก เน้นความเรียบง่ายอย่างแท้จริง ไม่มีแม้โลโก้แบรนด์ Xiaomi ติดอยู่ที่ฝาเครื่อง ตัวเครื่องมีน้ำหนัก 1.3 กิโลกรัม ขณะที่ความหนาอยู่ที่ประมาณ 14.8 มิลลิเมตร หนากว่า MacBook Air 2017 แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าตัวเครื่องไม่ใหญ่ สามารถพกติดกระเป๋าเพื่อใช้ไปใช้ตามนอกสถานที่ได้
นอกจากนี้บริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างฝาเครื่องและคีย์บอร์ดจะเป็นช่องระบายความร้อนอีกทางหนึ่งด้วย
พลิกมาด้านหลัง มียางสีเทาอยู่ 5 จุด เพื่อช่วยในการยึดเกาะขณะวางราบกับโต๊ะ มีช่องระบายความร้อนอีกหนึ่งจุด ส่วนช่องซ้ายและขวาเป็นลำโพงจาก AKG มาพร้อมระบบเสียง Dolby Audio
พอร์ทเชื่อมต่อถือว่ามีมาให้ครบ ตามมาตรฐานโน้ตบุ๊กสมัยใหม่ ทั้ง USB Type-C, USB 3.0 สองพอร์ต, HDMI, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
จอขนาด 13.3 นิ้ว มีความละเอียด FHD มากับกระจก Gorilla Glass สำหรับป้องกันรอยขีดข่วน เป็นพื้นที่การแสดงผลถึง 80.1% เพิ่มมุมมองการรับชมที่กว้างขึ้น มีสีสันสดใส
เนื่องจากจอถูกครอบด้วยกระจก เวลาหันไปเจอแสงมากๆ จะก่อให้เกิดเงาสะท้อนขึ้น ถือเป็นข้อเสียอยู่บ้าง
คีย์บอร์ดมาในลักษณะมาตรฐานโน้ตบุ๊กทั่วไป เป็นแบบเรียบ ปุ่มฟังก์ชันมีมาให้ครบถ้วน มีปุ่มเปิด-ปิดอยู่มุมบนขวา ระยะเว้นระหว่างปุ่มไม่ชิดกันเกินไป ทำให้การพิมพ์ทำได้ง่าย และการยุบตัวของปุ่มไม่ลึก อยู่ในระดับที่พอเหมาะ และมีไฟ backlight ให้ในตัวด้วย
ข้อเสียคงเป็นว่าปุ่มบนคีย์บอร์ดเป็นภาษาอังกฤษล้วน ไม่มีสกรีนภาษาไทยมาให้ ใครสนใจ Mi Laptop Air ตัวนี้ก็ต้องทำใจกับข้อจำกัดนี้กันตั้งแต่ต้น
ส่วนทัชแพดมีปุ่มสแกนลายนิ้วมืออยู่มุมบนขวา ขนาดของทัชแพดก็กว้างพอที่จะใช้นิ้วเลื่อนเคอร์เซอร์หรือกดได้อย่างสะดวก การตอบสนองทำได้รวดเร็ว
Xiaomi Mi Laptop Air 13.3" มากับซีพียู Intel Core i5-8250U รองรับการใช้ทำงานทั่วไปได้สบายๆ ในเครื่องติดตั้ง Windows 10 Home มาให้ด้วยเลย ขณะที่จีพียูใช้ NVIDIA GeForce MX150 หากจะลองเล่นเกมเกรดที่ต้องใช้กราฟฟิกสูงๆ อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่
จากที่ลองใช้งานแบบไม่เสียบอแดปเตอร์ ทั้งพิมพ์งาน, ดู YouTube, ท่องเว็บ ใช้งานได้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง แต่ก็ไม่ถึง 9.5 ชั่วโมงตามที่ Xiaomi เคลมไว้ หากใครที่นิยมใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ ก็แนะนำว่าพกแดปเตอร์ติดตัวไปด้วยจะได้หมดกังวล เครื่องยังมีระบบชาร์จไว สามารถชาร์จได้เต็ม 50% ในเวลาเพียง 30 นาที
ประเด็นเรื่องความร้อน ถ้าใช้งานติดต่อกันหลายชั่วโมง ตัวเครื่องจะอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
ในภาพรวมของ Xiaomi Mi Laptop 13.3" งานประกอบแน่นหนา ดีไซน์เรียบง่าย มีขนาดกะทัดรัดจอแสดงผลให้มุมมองในการรับชมที่กว้างพอสมควร เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโน้ตบุ๊กเพื่อการใช้งานเอกสาร พร้อมเล่นเกมบ้างเล็กน้อย
จุดด้อยคงเป็นแบตเตอรี่ จากใช้งานจริงพบว่าใช้ติดต่อกันได้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ไม่เหมือนที่ Xiaomi เคลมไว้