ทีมงาน Epic Games เผยรายละเอียดทางเทคนิคเบื้องหลังเกม Fortnite for Android ที่ถูกจับตาอย่างมาก เพราะเป็นการให้ดาวน์โหลดตรงแบบไม่ผ่าน Play Store แต่ความร้อนแรงของเกม ก็ทำให้มีผู้ดาวน์โหลดถึง 15 ล้านคนภายใน 21 วันแรกที่เปิดตัว
ประเด็นที่น่าสนใจคือทีมงานของ Epic ต้องจัดการกับปัญหา fragmentation ของ Android ที่มีความซับซ้อนสูงมาก ความท้าทายสำคัญคือผู้เล่น Fortnite ทุกคนสามารถเล่นร่วมกันได้แบบไม่จำกัดแพลตฟอร์ม (cross-play) ผู้เล่นที่ใช้ Android สเปกต่ำๆ อาจต้องมาเจอกับผู้เล่นพีซีสมรรถนะสูง การปรับลดสเปกกราฟิก ไม่เรนเดอร์บางอย่าง (ซึ่งเป็นเทคนิคที่เกมเวอร์ชัน mobile ใช้งานโดยทั่วไป) จึงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะอาจมีผลต่อเกมเพลย์
Epic ระบุว่าเตรียมพร้อมเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนมกราคม 2018 โดยได้รับความช่วยเหลือจากพาร์ทเนอร์หลายราย ที่ระบุชื่อเป็นพิเศษคือซัมซุง ที่ส่งวิศวกรและอุปกรณ์มานั่งทำงานในออฟฟิศของ Epic ทั่วโลก
ประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้ว่า Fortnite จะไม่ลง Play Store แต่กูเกิลก็ส่งวิศวกรจากทีม Android มาช่วยเหลือ Epic ในการปรับแต่งประสิทธิภาพของเกมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้พาร์ทเนอร์รายอื่นที่มีชื่อปรากฏคือ ARM, Qualcomm, Imagination Technologies, Razer, HiSilicon
ข้อมูลอื่นที่น่าสนใจ
Epic ระบุว่าโดยเฉลี่ยแล้ว มือถือที่ออกในแต่ละปีจะมีประสิทธิภาพดีขึ้น 50% จากปีก่อน ทำให้สถานะของ Fortnite for Android ตอนนี้ถือว่าทำงานได้ดีมากบนมือถือรุ่นใหม่ที่ออกขายในปีนี้, ดีพอควรสำหรับมือถือที่ออกปีที่แล้ว และพอรับได้สำหรับมือถืออายุ 2 ปี ส่วนมือถือที่เก่ากว่านั้นอาจรันไม่ไหวแล้ว
ประเด็นเรื่องความปลอดภัยเป็นอีกเรื่องที่ Epic ให้ความสำคัญ เพราะรู้ดีว่าการไม่ลง Play Store ย่อมส่งผลให้มีผู้ประสงค์ร้ายสร้างเว็บไซต์ปลอมมาหลอกให้คนดาวน์โหลด Fortnite แล้วแอบฝังมัลแวร์เข้ามาด้วย ซึ่งบริษัทสำรวจพบถึง 47 เว็บไซต์ ทางออกคือการร่วมมือกับผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ (รวมถึงกูเกิล) บริษัทแอนตี้ไวรัส และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ บล็อค URL เหล่านี้หรือแจ้งเตือนว่าเป็นเว็บอันตราย
Epic ยังนำบทเรียนที่ได้จากการปรับแต่ง Fortnite for Android กลับไปใส่ในโค้ดของเอนจิน Unreal เวอร์ชัน 4.21 เพื่อให้นักพัฒนาเกมรายอื่นๆ ได้ประโยชน์ไปพร้อมกัน
ที่มา - Epic Games