หลังจาก Google เปิดตัวมือถือ Google Pixel 3 ไปเมื่อต้นเดือนและเปิดให้พรีออเดอร์ผ่านทางออนไลน์ในวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ผมเองก็มีโอกาสกดพรีออเดอร์และมารับของเองที่อเมริกา เลยมีโอกาสได้แกะกล่องและลองเล่นดูว่าการใช้งานเป็นอย่างไรบ้าง
คำเตือน : รูปประกอบบทความเยอะ
ตัวเครื่องที่ผมแกะกล่องในครั้งนี้เป็น Google Pixel 3 สีขาว (Clearly White) ตัวเครื่องด้านหลังส่วนบนเป็นกระจกเงาๆ พื้นที่ประมาณ 1/5 ของเครื่อง ที่เหลือเป็นอะลูมิเนียม ส่วนกล้องเป็นกล้องเดี่ยวที่ยังนูนออกมาเช่นเคย มีปุ่มเปิดปิดเครื่องเป็นสีเขียวมิ้นท์ด้านขวามือ รวมถึงมีปุ่มเพิ่มลดเสียงที่ด้านขวานี้เช่นกัน
ด้วยความเป็นเพียง Pixel 3 จึงไม่มีติ่ง (notch) โผล่มา มีกล้องคู่หน้าด้านซ้าย ลำโพงด้านหน้า 2 ตัวบนสุดและล่างสุดของหน้าจอ
ซอฟต์แวร์เป็น Android 9 Pie ตัวเครื่องมาเป็นแบบ unlock ไม่ผูกกับเครือข่ายมือถือแล้ว สามารถนำไปใช้งานได้ทั่วโลก ถาดใส่ซิมจะอยู่ด้านล่างของเครื่อง ข้างๆ รู USB C ทำให้ด้านข้างซ้ายของเครื่องไม่มีอะไร
ถ้าให้เทียบกับ Google Pixel 2 แล้วขนาดเครื่องเท่ากัน ต่างกันที่น้ำหนัก เพราะ Pixel 3 เบากว่า และจอก็สูงเพิ่มมาอีก 0.5 นิ้ว แสดงผลได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าเปิด YouTube หรือเล่นเกมเช่น RoV ก็ยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลือ ด้วยเหตุผลเรื่องจากอัตราส่วนจอนั่นเอง
ด้านในกล่องเปิดมาจะเจอกล่องคู่มือ มีที่จิ้มถาดซิม, คู่มือการใช้งานแบบง่าย, คู่มืออธิบายเรื่องการรับประกันแบบละเอียดและสติกเกอร์ตัวโลโก้ G และสติกเกอร์คำว่า #teampixel แถมมาให้
หูฟังที่แถมมา หน้าตาคล้าย Pixel Buds แต่เป็นแบบสายที่มีหัวแบบ USB Type-C ส่วนที่เป็นวงๆ จะช่วยดันให้หูฟังไม่หลุดออกจากหู รองรับการสนทนาและควบคุมเพลงได้
สุดท้ายมีสาย USB หัวแบบ Type-C 2 ฝั่ง, ตัวแปลง USB Type-C เป็น USB type-A, ตัวแปลง USB Type-C เสียบกับหูฟังที่มีสายแบบ 3.5 มิลลิเมตร และหัวปลั๊ก AC Adapter แบบขาตะเกียบมาให้
หลังจากใช้งานจริงมาได้สองวัน เน้นการถ่ายรูปเป็นหลัก ผลออกมาสำหรับผมพอใจครับ จากตอนแรกที่เอากล้อง DSLR ไป ถ่ายไปได้ 4 รูปก็เลิกเลย ใช้ Pixel 3 ถ่ายสะดวกกว่ามาก จุดเด่นที่ Google นำเสนอคือเรื่องการถ่ายในพื้นที่แสงน้อย ปรากฎว่ามันทำงานได้จริงครับ ตัวอย่างคือ 3 ภาพนี้
ภาพนี้ถ่ายด้วยโหมดปกติ
ภาพนี้ถ่ายด้วยโหมด HDR+
ภาพนี้ถ่ายด้วยโหมด HDR+ enhanced
ต่อมาคือการถ่ายแบบภาพซูมที่กูเกิลเคลมว่าคมชัดมาก จากการทดสอบพบว่า ถึงแม้ว่าซูมแบบสุดๆ สำหรับผมก็ไม่ชัดอยู่ดี มันเบลอๆ แต่ก็มีรายละเอียดอยู่ เช่นภาพนี้ครับ
ส่วนโหมด Top Shot ที่เอาไว้เลือกภาพที่ดีที่สุด มันคือการเอาฟีเจอร์ Motion มาใช้งานให้เป็นประโยชน์ เช่นผมจะถ่ายรูปตัวเองกระโดด แต่ดันกะจังหวะผิด ก็ได้รูปนี้มา
พอจะใช้งาน Top Shot ในแอพ Google Photos จะมีให้เลือก Select shots เราก็เลื่อนภาพที่ต้องการ ทีนี้แอพจะบอกว่าตรงไหนที่ recommend ตรงนั้นภาพจะชัด แต่หากเลือกนอกเหนือจากนั้น มันเหมือนแคปภาพจาก Motion มาให้เราครับ แบบนี้
ฟีเจอร์ Portrait และ Group Selfies ที่ใช้ประโยชน์จากกล้อง เรียกได้ว่าทำออกมาดีมาก เบลอหลังได้สวยและสามารถปรับความกว้างของภาพได้ดีสุดๆ
ดูอัลบั้มรูปทั้งหมดบน Google Photos ของผมที่นี่ครับ (ภาพส่วนใหญ่ผมเปิด HDR+ ไว้ตลอดครับ)
ปัญหาที่เจออยู่ตอนนี้มีด้วยกัน 4 อย่างคือ
ส่วนปัญหาจุกจิกๆ อื่นๆ คือหน้าจอเป็นรอยนิ้วง่ายมาก ส่วนบอดี้หลังเครื่องโดนสะกิดก็เป็นรอยข่วนแล้ว รวมไปถึงผมเพิ่งทำเครื่องตกพื้น ก็ได้รอยแผลมาแล้วหนึ่งจุด เรียกได้ว่าบอบบางพอสมควร หาเคสหรือกระจกใส่ก็อาจจะดีกว่าครับ
สำหรับการใช้งานทั่วไป โทรเข้า โทรออก ใช้เน็ต เปิด GPS ทำงานได้ปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร แบตเตอรี่ผมลองเปิดเล่น Pokemon Go แล้วก็สลับเปิด Google Maps ตั้งแต่เช้าชาร์จเต็ม ประมาณบ่าย 3 ก็เหลือ 30% ถือว่าทำงานได้ทั้งวันอยู่ครับ
ทั้งหมดนี้คือการแกะกล่องและรีวิวมือถือ Google Pixel 3 ของผมเองครับ ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมในการใช้งานนะครับ สามารถรับชมคลิปแกะกล่องของผมเองได้ที่คลิปด้านล่างนี้เลยครับ
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหนก็ถามได้ที่คอมเมนท์เลยนะครับ