ตลอดปี 2018 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า Blizzard ได้มีการใช้นโยบายต่างๆ เพื่อตัดลดค่าใช้จ่ายด้านที่ไม่เกี่ยวกับการพัฒนาเกมตลอดทั้งปี ซึ่งน่าจะมาจากการเข้ามามีอิทธิพลด้านการบริหารมากขึ้นจากฝั่ง Activision โดย Kotaku ได้ทำสกู๊ปพิเศษสำหรับเรื่องนี้ด้วยการสัมภาษณ์พนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานของ Blizzard
หนึ่งในนโยบายด้านการตัดค่าใช้จ่ายของ Blizzard คือโครงการ Career Crossroads ที่เปิดโอกาสให้พนักงานที่ทำงานมานานเกิดห้าปีลาออกด้วยความสมัครใจโดยจะได้รับเงินชดเชย ซึ่งก่อนหน้านี้โครงการนี้เปิดสำหรับพนักงานฝ่ายบริการลูกค้า แต่ในปีนี้โครงการขยายมาถึงฝั่ง QA และ IT แล้ว
ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่า Blizzard มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นสำหรับทีมพัฒนาเกมซึ่งคาดการณ์ว่าอาจจะมาจากการที่ฝั่ง Activision เริ่มเข้ามีอิทธิพลมากขึ้นในการบริหารงานของ Blizzard ซึ่งแต่เดิมมีความอิสระในการดำเนินการ นับว่าเป็นสัญญาณครั้งแรกของการเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่การควบรวมของทั้งสองบริษัทในปี 2008 ซึ่งอดีตพนักงาน Blizzard ที่ให้สัมภาษณ์กับ Kotaku กล่าวว่าการตัดงบประมาณและการเร่งพัฒนาเกมให้ออกสู่ตลาดมากขึ้นนี้มาจากฝ่ายการเงินที่เริ่มมีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือรูปแบบการทำงานของทั้งสองค่าย ขณะที่ Blizzard มักจะใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการพัฒนาเกมของตัวเองและปล่อยออกสู่ตลาดเมื่อพร้อม แม้ว่าจะกินเวลาหลายปี แต่ Activision เน้นการปล่อยเกมออกมาอย่างต่อเนื่องทุกปี เช่น Call of Duty ที่ออกต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งการเข้ามามีอิทธิพลของ Activision เหนือ Blizzard ครั้งนี้อาจจะส่งผลให้รูปแบบการทำงานของ Blizzard เปลี่ยนไปในอีกทิศทางก็เป็นได้
ทั้งนี้ แม้ว่าการตัดงบนั้นจะมุ่งไปยังส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเกม แต่มีหนึ่งกรณียกเว้นที่สร้างแรงกระเพื่อมในแวดวง esports คือ การยกเลิกทัวร์นาเมนต์ของ Heroes of the Storm นั่นเอง
ที่มา: Kotaku