เริ่มแล้ว Windows Server / SQL Server 2008 หมดระยะซัพพอร์ต ย้ายขึ้น Azure พร้อมขยาย Security Support 3 ปี ฟรี!

by advertorial
26 December 2018 - 07:47

Windows Server 2008 และ SQL Server 2008 (รวมถึงเวอร์ชันอัพเดตย่อย R2) เป็นระบบปฏิบัติการและฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในโลกองค์กร อย่างไรก็ตาม ซอฟต์แวร์ทั้งสองตัวออกมาตั้งแต่ปี 2008 และปัจจุบันมีอายุครบ 10 ปีแล้ว ใกล้หมดอายุขัยเต็มทน (เข้าระยะ EOS หรือ End of Support)

ทุกคนย่อมอยากเปลี่ยนไปใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่เสมอ เพราะมีข้อดีเหนือกว่าทั้งในแง่ของฟีเจอร์และความปลอดภัย แต่ในโลกความเป็นจริงก็ทำไม่ง่าย เพราะเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ-ฐานข้อมูลมักผูกอยู่กับซอฟต์แวร์เฉพาะขององค์กรที่สร้างขึ้นในยุคนั้น

ระยะซัพพอร์ตหมดตอนไหน

ปกติแล้วไมโครซอฟท์มีระยะเวลาซัพพอร์ตซอฟต์แวร์ให้นาน 10 ปี โดยแบ่งเป็นช่วง Main Stream Support 5 ปี และ Extended Support ที่แพตช์เฉพาะช่องโหว่ความปลอดภัยอย่างเดียวให้อีก 5 ปี โดยอาจยืดระยะเวลาซัพพอร์ตให้บ้างในผลิตภัณฑ์บางตัว

กรณีของ Windows Server 2008 และ 2008 R2 รวมถึง SQL Server 2008 และ 2008 R2 ที่ปัจจุบันอยู่ในสถานะ Extended Support เรียบร้อยแล้ว ไมโครซอฟท์ยืดระยะเวลาให้อีกเล็กน้อย

  • SQL Server 2008 และ 2008 R2 จะหมดระยะซัพพอร์ตวันที่ 9 กรกฎาคม 2019
  • Windows Server 2008 และ 2008 R2 จะหมดระยะซัพพอร์ตวันที่ 14 มกราคม 2020

เท่ากับว่านับจากตอนนี้จะเหลือเวลาอีกประมาณครึ่งปีสำหรับ SQL Server 2008 และอีกประมาณหนึ่งปีสำหรับ Windows Server 2008 ที่องค์กรจะต้องเลือกว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะหากปล่อยให้หมดระยะซัพพอร์ต ไม่มีแพตช์ความปลอดภัยใหม่อีกแล้ว ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกโจมตีหรือขโมยข้อมูล

ทางเลือกเดิม: อัพเกรดหรืออยู่ต่อ?

ทางเลือกมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปคือ อัพเกรดซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุด Windows Server 2019 และ SQL Server 2017 ซึ่งมีข้อดีที่ชัดเจนคือได้ฟีเจอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ปรับแต่งประสิทธิภาพมาเพื่อฮาร์ดแวร์ยุคใหม่ และมีสถาปัตยกรรมความปลอดภัยทันสมัยกว่าเดิมมาก

อย่างไรก็ตาม การอัพเกรดเวอร์ชันใหญ่ก็มีข้อเสียว่าต้องทดสอบความเข้ากันได้ของแอพพลิเคชันที่องค์กรใช้อยู่ และอาจต้องลงทุนปรับแต่งแอพพลิเคชันครั้งใหญ่ ซึ่งเสียทั้งเงินและเวลา

อีกทางเลือกหนึ่งที่เป็นไปได้คือ อยู่กับ Windows Server 2008 และ SQL Server 2008 ต่อไปเช่นเดิม โดยซื้อบริการความปลอดภัย Extended Security Updates เพิ่มเติมจากไมโครซอฟท์ได้อีก 3 ปี ซึ่งก็มีค่าใช้จ่าย 75% ของค่าไลเซนส์ปกติ และต้องจ่ายทุกปี

ทางเลือกใหม่: ย้ายขึ้น Azure

แต่รอบนี้ไมโครซอฟท์มาพร้อมกับทางเลือกใหม่ โดยลูกค้าสามารถย้ายระบบจาก Windows Server/SQL Server บนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง (on premise) ขึ้นมาเช่าเซิร์ฟเวอร์บนคลาวด์ Microsoft Azure แทนได้ ซึ่งก็แบ่งได้อีก 2 ทางเลือกย่อย

  • เช่า Azure VM แล้วใช้ซอฟต์แวร์โอเอสเวอร์ชันใหม่ Windows Server 2019 และ SQL Server 2017
  • หรือเช่า Azure VM แล้วใช้ซอฟต์แวร์โอเอสเวอร์ชันเดิม Windows Server 2008 และ SQL Server 2008

ในกรณีที่เลือกอย่างหลังคือย้ายขึ้น Azure เป็นซอฟต์แวร์โอเอสเวอร์ชันเดิม Windows Server 2008 และ SQL Server 2008 ทางไมโครซอฟท์ ขยาย Extended Security Updates อีก 3 ปี ฟรี! ช่วยประหยัดต้นทุนลงและลดความยุ่งยากไปได้มาก

และหากลูกค้าซื้อสิทธิ Software Assurance (SA) ของ Windows Server 2008/2008R2 และ SQL Server 2008/2008R2 ไว้อยู่แล้ว ไมโครซอฟท์ยังจะช่วยลดค่าเช่า VM บน Microsoft Azure ให้อีกต่อหนึ่ง ช่วยให้ค่าบริการคลาวด์ถูกกว่าผู้ให้บริการรายอื่นๆ ถึง 5 เท่าด้วย

ทางเลือกนี้จึงเหมาะสำหรับลูกค้าที่ยังไม่พร้อมจะอัพเกรด Windows Server 2008/2008R2 และ SQL Server 2008/2008R2 แต่ก็มีความกังวลเรื่องแพตช์ความปลอดภัย รวมถึงค่าใช้จ่ายจากค่าไลเซนส์ การย้ายขึ้นไปใช้คลาวด์ Microsoft Azure จึงเป็นทางออกที่เหมาะสมมากในระยะสั้นไม่เกิน 3 ปีต่อจากนี้ ก่อนจะอัพเกรดซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชันใหม่ในระยะถัดไป

สนใจทดลองใช้ VM บน Microsoft Azure ฟรี ได้ที่ https://azure.microsoft.com/th-th/free/
หรือเข้าร่วมเรียนรู้วิธีการใช้งานหรือประโยชน์ของ Microsoft Azure cloud ได้ที่ https://aka.ms/addevent

Blognone Jobs Premium