รีวิว ASUS Zenfone Max Pro (M2) สมาร์ทโฟนราคาต่ำหมื่น พร้อมแบตเตอรี่ 5000 mAh

by RoseGold
10 January 2019 - 03:28

ปลายปีที่ผ่านมาผู้เขียนเพิ่งรีวิว Zenfone Max (M2) สมาร์ทโฟนจอใหญ่, Pure Android ในราคาไม่ถึงหกพันบาท รอบนี้มีอีกรุ่นมารีวิว คือ ASUS Zenfone Max Pro (M2) มากับดีไซน์แบบเรียบหรู พร้อมจุดเด่นด้วยแบตเตอรี่ที่ให้มา 5000 mAh สามารถใช้งานข้ามวันได้สบายๆ และที่สำคัญยังเป็นสมาร์ทโฟนในราคาไม่ถึงหมื่นบาทอีกด้วย

สเปก ASUS Zenfone Max Pro (M2) ที่นำมารีวิวมีดังนี้

  • จอ 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2280 x 1080 พิกเซล), กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 6
  • ชิป Qualcomm Snapdragon 660, จีพียู Adreno 512
  • ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo เป็น Pure Android
  • แรม 6GB, สตอเรจ 64GB, รองรับ microSD card ความจุสูงสุด 2TB
  • กล้องหลังคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
  • แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh ไม่มีระบบ Fast Charge

ตัวเครื่อง

Zenfone Max Pro (M2) ใช้กระจกที่มีความเงางามเป็นวัสดุหลักสำหรับฝาหลังและกรอบตัวเครื่องทั้งสี่ด้าน แตกต่างจาก Zenfone Max (M2) ที่ใช้โลหะเป็นวัสดุหลัก ซึ่งแน่นอนว่าหากไม่สวมเคสก็มีโอกาสเกิดรอยนิ้วมือได้ง่าย ส่วนด้านข้างของฝาหลังมีลักษณะโค้งลงเล็กน้อย สะดวกต่อการหยิบถือรับกับอุ้งมือได้ดี ไม่ลื่น ตัวเครื่องน้ำหนัก 175 กรัม หนักกว่า Zenfone Max (M2) ที่มีน้ำหนัก 160 กรัม แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานด้วยมือเดียว

หน้าจอ IPS ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2280 x 1080 พิกเซล) กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 6 มีรอยบากแคบกว่า Zenfone Max (M2) และเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และแฟลช LED สำหรับการเซลฟี่ในที่แสงน้อย พร้อมโหมด Beauty

ส่วนการแสดงผลให้ความชัดเจน ในกรณีใช้งานในที่แจ้งมีแสงมากๆ ก็สามารถมองเห็นแอพและตัวอักษรต่างๆ ได้ดี อาจมีเงาสะท้อนที่กระจกหน้าจอบ้าง แต่ไม่กระทบต่อการใช้งาน

ปุ่มและพอร์ทตัวเครื่องประกอบไปด้วย ขอบตัวเครื่องด้านขวาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่มพาวเวอร์ ส่วนขอบด้านซ้ายเป็นถาดใส่ซิมแบบ 3 slot ใส่สองซิมและ microSD ได้พร้อมๆ กัน

ขอบด้านล่างเป็นช่องลำโพงเสียงกับพอร์ท micro-USB และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

การใช้งาน

Zenfone Max Pro (M2) ใช้ชิป Snapdragon 660, จีพียู Adreno 512, แรม 6GB และสตอเรจ 64GB เป็นสมาร์ทโฟนในสเปกระดับกลาง มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo เป็น Pure Android ไม่มี Zeu UI ครอบทับ มีโอกาสสูงที่จะได้ไปต่อกับ Android ในเวอร์ชันใหม่ๆ ส่วนจะเมื่อไหร่นั้นต้องรอตามข่าวกันต่อไป

ประสิทธิภาพการเล่นเกมอยู่ในระดับดี จากที่ผู้เขียนทดสอบกับเกม Asphalt 9 ปรับคณภาพกราฟิกเป็นค่า default คุณภาพของภาพก็ถือว่าสวยใช้ได้เลยทีดีเดียว และเล่นได้ลื่น

อีกเกมที่ทดสอบ คือ Dragon Ball Legends นอกจากภาพสวยแล้วแบบไม่ต้องปรับอะไรแล้ว การเคลื่อนไหวของตัวละครในขณะต่อสู้ยังทำได้ลื่น ไม่มีอาการสะดุดระหว่างเล่น

สแกนลายนิ้วมือและจดจำใบหน้า

ด้านหลังของ Zenfone Max Pro (M2) มีปุ่มสแกนลายนิ้วมือ แค่แตะก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็ว หากนิ้วมือเปียกน้ำจะไม่สามารถสแกนติดได้

ส่วนฟีเจอร์จดจำใบหน้านับว่ามีความรวดเร็วในการปลดล็อกเช่นกัน หากใช้งานในห้องขณะปิดไฟ ก็สามารถใช้งานได้ เพียงแต่จะปลดล็อกช้ากว่าเวลาใช้ในสภาพแสงปกติเล็กน้อย ส่วนใครจะเลือกใช้งานทั้งคู่ก็ตามที่สะดวกได้เลย

กล้องถ่ายภาพ

กล้องหลังของ Zenfone Max Pro (M2) เป็นเลนส์คู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล, รูรับแสงกว้างสุด f/1.8, ระบบกันสั่น EIS ซึ่งเลนส์ตัวรอง 5 ล้านพิกเซลจะช่วยถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ หรือ Bokeh effect ได้

โหมดเสริมถ่ายภาพของกล้องหลังมีให้เลือกไม่เยอะนัก ที่มีอยู่ ได้แก่ โหมดถ่ายภาพบุคคล พร้อมโหมด Beauty, HDR, โหมด Pro, ถ่ายภาพดอกไม้, ถ่ายภาพวิว และกีฬา เป็นต้น

ในการถ่ายภาพจริงพบว่าจังหวะการจับภาพในสภาพแสงปกติทำได้รวดเร็ว สีของภาพเป็นธรรมชาติ การถ่ายภาพช่วงกลางคืนทำได้ดีกว่า Zenfone Max (M2) สังเกตได้จากแสงไฟในบริเวณรอบๆ ไม่ฟุ้งจนเกินไป ส่วนจุดบนภาพหากซูมเข้าไปในภาพจะมีให้เห็นอยู่เล็กน้อย

ภาพถ่ายจากกล้องหลัง ไม่ปรับแต่งใดๆ แค่ลดขนาดภาพลงมาเท่านั้น

แบตเตอรี่

Zenfone Max Pro (M2) มากับแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh ใช้งานได้ทั้งวัน ต่อให้เล่นเกม, ถ่ายรูป หรือเปิดดูละครย้อนหลังผ่าน YouTube ด้วย ใช้งานได้สบายๆ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

นอกจากนี้ผู้เขียนยังทดสอบความอึดของแบตเตอรี่ผ่านแอป LAB501 (ซึ่งเดิมทีผู้เขียนต้องการทดสอบผ่านแอป PCMark for Anroid แต่ไม่สามารถติดตั้งได้ เนื่องจากมีข้อความระบุว่าอุปกรณ์ของคุณไม่รองรับการใช้งานกับรุ่นนี้ เช่นเดียวกับ Zenfone Max (M2) ) โดยในโหมด Video ผลการทดสอบพบว่าจากแบตเตอรี่ 100% เปิดให้รันแอปต่อเนื่องยาว 212 นาที แบตเตอรี่ลดลงมาเหลือ 85%

หลังจากนั้นเป็นการทดสอบในโหมด Gaming ในขณะที่แบตเตอรี่อยู่ 85% ให้รันแอปต่อไปอีก 180 นาที แบตเตอรี่ลดลงเหลือ 67% และยังเหลือให้ใช้งานต่อได้กว่า 13 ชั่วโมง

สรุป

Zenfone Max Pro (M2) โดดเด่นในเรื่องความอึดของแบตเตอรี่ ใครที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ใช้งานต่อเนื่องได้นานๆ รุ่นนี้น่าจะตอบโจทย์ ที่สำคัญราคาในรุ่นที่นำมารีวิวอยู่ที่ 8,990 บาท (มีรุ่นรองลงมาเป็มแรม 4GB + สตอเรจ 64GB ราคา 6,990 บาท) ส่วนกล้องถ่ายภาพทำได้ดีกว่า Zenfone Max (M2) และระบบปฏิบัติการเป็น Pure Android ที่ให้ความลื่นในการใช้งาน พร้อมการันตีที่จะได้ไปต่อกับ Android ในเวอร์ชันใหม่ๆ ส่วนจะเมื่อไหร่นั้นต้องรอตามข่าวกันต่อไป

Blognone Jobs Premium