นอกจากประเด็นเรื่องกล้อง Portal แล้ว การพูดคุยระหว่าง Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์กับ Jonathan Zittrain อาจารย์ด้านกฎหมายของ Harvard Law School ยังครอบคลุมหลายประเด็นทั้งข่าวปลอม ความเป็นส่วนตัว ดังนี้
เรื่อง Facebook จะรวมโครงสร้างเบื้องหลัง Instagram, WhatsApp, Messenger เข้าด้วยกันที่ New York Times รายงานไปก่อนหน้านี้ ซึ่ง WhatsApp มีการเข้ารหัสแบบครบวงจร แต่ Messenger นั้นการเข้ารหัสสามารถทำได้ก็จริงแต่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น ซึ่ง Zuckerberg บอกว่า มันไม่มีเหตุผลเลยที่จะมีแพลตฟอร์มแชทที่มีนโยบายแตกต่างกัน และจากการพูดคุยดูเหมือนว่า Zuckerberg ต้องการให้มีการเข้ารหัสเป็นค่าเริ่มต้น
ต่อประเด็นข่าวปลอมแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯปี 2016 และการที่ Facebook ลงทุนเรื่องบุคลากรทีมงานตรวจสอข้อเท็จจริง และยังเคยบอกว่ามีทีมงานทำเรื่องนี้กว่า 3 หมื่นคนทั่วโลก อย่างไรก็ตาม Zuckerberg ยังยืนยันว่า Facebook ก็ยังไม่ใช่ผู้ชี้ขาดข้อเท็จจริงอยู่ดี
สำหรับประเด็นความเป็นส่วนตัว และฟีเจอร์ Clear History ที่ Facebook ทำออกมาไม่ทันเวลาที่คาดไว้ Zuckerberg บอกว่าฟีเจอร์นี้กำลังอยู่ระหว่างผลิต เขาบอกว่ามันมีสิ่งที่คล้ายๆ ท่อส่งน้ำอยู่หลายส่วนและอยู่ลึกภายใต้ระบบต่างๆ ทำให้การทำมีความซับซ้อนและหนักกว่าที่คิด
(ฟีเจอร์ Clear History ที่ Facebook อธิบายไว้คือ เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้รู้ว่ามีเว็บหรือแอพใดส่งข้อมูลผู้ใช้กลับไปยัง Facebook โดยผู้ใช้สามารถปิดการส่งข้อมูลได้)
เมื่อพูดถึงโมเดลที่จะให้ผู้ใช้จ่ายเงินเพื่อจะไม่ต้องเจอโฆษณาและข้อมูลตัวเองก็ไม่ถูกนำไปใช้ทำโฆษณาเจาะกลุ่ม Zuckerberg ยังคงยืนยันว่า Facebook ควรเป็นอะไรที่คนเข้ามาใช้ได้ฟรี (อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า Facebook มีรายได้โฆษณาเป็นหลายพันล้านดอลลาร์)
Zuckerberg พูดถึงอนาคตของโซเชียลมีเดียว่า คนจะนิยมใช้ฟีเจอร์จำพวก Stories และนิยมการใช้แชท คือพวกเขาต้องการแสดงออกอะไรบางอย่าง แต่ไม่อยากให้มันอยู่คงทนถาวร เขาบอกว่า ในอีก 5 ปีคิดว่าเราจะได้เห็นโซเชียลมีเดียที่สร้างขึ้นใหม่โดยใช้ฐานคิดจากสิ่งนี้ และมันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น
การออกมาพูดคุยกันแบบสาธารณะครั้งนี้ของ Mark Zuckerberg เป็นหนึ่งในเป้าหมายปี 2019 ของเขาที่ว่าจะออกไปแสดงความเห็นแบบสาธารณะอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับอนาคตของเทคโนโลยีในสังคม โอกาส ความหวัง ความท้าทาย และความกังวลต่าง ๆ
ที่มา - Mashable, Tech Insider