รีวิว Samsung Galaxy S10+ อัพเกรดขึ้นทุกด้าน เพิ่มด้วย PowerShare และสแกนนิ้วในจอ

by RoseGold
27 February 2019 - 10:31

หากมองข้าม Galaxy Fold โทรศัพท์มือถือพับได้ Galaxy S10+ น่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือระดับเรือธงของซัมซุงที่มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ที่โดดเด่นที่สุดในตระกูล Galaxy S ที่ผ่านมา ด้วยหน้าจอ Infinity-O ไร้ติ่ง (notch), อัพเกรดกล้องถ่ายภาพ, ใช้สแกนลายนิ้วมือในจอ, เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ PowerShare ชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์อื่นได้ แถมยังไม่ตัดช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรออกไปเหมือนหลายๆ ค่ายด้วย

สเปก Samsung Galaxy S10+ รุ่นที่นำมารีวิว

  • หน้าจอ Infinity-O ขนาด 6.4 นิ้ว
  • ระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย One UI
  • ชิป Exynos 9820
  • แรม 8GB, สตอเรจ 128GB, รองรับ microSD card ความจุสูงสุด 512GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล + 12 ล้านพิกเซล + 16 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้า 2 ตัว ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล
  • สแกนลายนิ้วมือในจอแบบ Ultrasonic และฟีเจอร์จดจำใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอ
  • พอร์ท USB Type-C, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
  • กันน้ำ มาตรฐาน IP68
  • ระบบเสียง Dolby Atmos
  • แบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh

ตัวเครื่อง

Galaxy S10+ บาง 7.8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 175 กรัม บางและเบากว่า Galaxy S9+ (บาง 8.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 189 กรัม) หยิบจับด้วยมือเดียวได้สะดวก

หน้าจอ Galaxy S10+ มีขนาด 6.4 นิ้ว ใหญ่ขึ้นกว่า Galaxy S9+ และเทียบเท่ากับ Galaxy Note 9 ใช้ดีไซน์ Infinity-O จอแบบเจาะรูสำหรับกล้องหน้า 2 ตัว มีพื้นที่การแสดงผลเกือบเต็มตัวเครื่องด้านหน้า ซึ่งขอบด้านบนจะมีรอยเว้าเล็กน้อยไว้สำหรับลำโพงสนทนา ส่วนเซ็นเซอร์ต่างๆ ถูกซ่อนไว้ใต้หน้าจออย่างแนบเนียน

แม้จะเป็นหน้าจอดีไซน์ใหม่ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจมีบางคนที่ไม่ชอบจอแบบเจาะรู ด้วยเหตุนี้ซัมซุงจะมีเมนูสำหรับพรางรูกล้องหน้าด้วยการลดพื้นที่การแสดงผลให้แสดงถึงใต้กล้องหน้าได้

ส่วนความละเอียดการแสดงผลถูกกำหนดไว้ที่ FHD+ 2280 x 1080 พิกเซล เป็นค่า default สามารถปรับลดลงมาเป็น HD+ 1520 x 720 พิกเซล หรือเพิ่มสูงสุดได้ที่ WQHD+ 3040 x 1440 พิกเซล

ตำแหน่งปุ่มและพอร์ทต่างๆ

ด้านขวาตัวเครื่องเป็นปุ่มพาวเวอร์, ด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่ม Bixby ซึ่งจากข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ที่ซัมซุงให้ผู้ใช้ตั้งค่าปุ่ม Bixby บน Galaxy S10 เพื่อเปิดแอปอะไรก็ได้ แต่ช่วงที่ผู้เขียนทำการรีวิวพบว่ายังไม่สามารถใช้งานได้

ขอบด้านบนตัวเครื่องเป็นถาดใส่ซิม ส่วนด้านล่างมีพอร์ท USB Type-C, ลำโพงเสียง และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

การใช้งาน

ในเรื่องจอที่มีรูกล้องหน้า จากการทดสอบของผู้เขียนกับแอป Facebook, YouTube พบว่าสามารถแสดงผลได้เต็มพื้นที่ ไม่ซ้อนกับรูกล้อง

การทดสอบเล่น RoV ภายใต้การตั้งค่ากราฟิกและเฟรมเรทสูงทั้งหมด สามารถเล่นได้ลื่นแบบไม่สะดุด ค่าเฟรมเรทจะแกว่งๆ ไปบ้างระหว่าง 58-60 fps ขณะอยู่ในฉากต่อสู้ และอุณหภูมิของเครื่องจะสูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อแตะด้านหลังจะรู้สึกอุ่นๆ เท่านั้น

อย่างไรก็ตามแม้การแสดงผลของเกม RoV จะทำได้เต็มพื้นที่จอแสดงผล แต่แผนที่ในเกมกลับมีบางส่วนซ้อนอยู่ใต้รูกล้อง

กล้องถ่ายภาพ

คงไม่ใช่เรื่องใหม่นักกับกล้องหลัง 3 ตัวบนโทรศัพท์มือถือของซัมซุง เพราะปีที่แล้ว Galaxy A7 เป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกของบริษัทที่มากับกล้องหลัง 3 ตัว ซึ่งกล้องหลัง 3 ตัวของ Galaxy S10+ มีดังนี้

  • เลนส์ Tele ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซูมได้ 2 เท่า มีระบบกันสั่น OIS
  • เลนส์ปกติความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, Dual Pixel, OIS
  • เลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) ให้มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

ส่วนตัวของผู้เขียนแล้วค่อนข้างชอบกับการถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้าง เพราะช่วยเก็บบรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวได้แบบครบอยู่ในภาพเดียว นอกจากนี้ UI ของกล้องหลังยังมีปุ่มที่สามารถสลับเลนส์ปกติ, เลนส์มุมกว้าง หรือ telephoto ให้เลือกใช้ได้สะดวกอีกด้วย แต่ข้อจำกัดของการใช้เลนส์มุมกว้างจะไม่มี auto focus หรือเลือกโฟกัสเองได้

ใน Galaxy S10+ ยังมาพร้อม AI ช่วยถ่ายภาพ สามารถแยกแยะประเภทของวัตถุกับสภาพแสงได้ถึง 30 แบบ และ AI ยังช่วยในโหมด Shot suggestion วิเคราะห์และหาจุดกึ่งกลางของภาพตรงหน้าอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่ดีที่สุด

เมนู Live Focus หรือการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังละลาย มีรูปแบบการละลายฉากหลังให้เลือกเพิ่มจากปกติถึง 3 แบบ ปรับระดับความละลายของฉากหลังได้ 7 ระดับ ซึ่งผู้เขียนพบว่าเมื่อจ่อกล้องที่วัตถุ การวิเคราะห์ระยะห่างจากวัตถุเพื่อใช้เอฟเฟกต์หน้าชัดหลังละลายถือว่าทำได้รวดเร็ว ภาพที่ออกมาทำได้เนียน การละลายของฉากหลังไม่เกินเข้ามาที่ขอบวัตถุ

ด้านถ่ายวิดีโอของ Galaxy S10+ มาพร้อมฟีเจอร์กันสั่น Super steady ใช้งานได้กับโหมด Ultra Wide ความละเอียด Full HD ผู้เขียนทำการทดสอบถ่ายวิดีโอขณะปั่นจักรยานและติดไว้หน้ารถยนต์พบว่าวิดีโอมีความสมูทอยู่ในระดับที่ดี, ภาพสั่นน้อย และไม่หลุดโฟกัส ชมวิดีโอได้จากด้านล่าง

กล้องหน้า Galaxy S10+ มี 2 ตัว ประกอบด้วยเลนส์ปกติ ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล และเลนส์ระยะชัดตื้น (Depth Lens) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, Dual Pixel, ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ พร้อม Fast Auto Focus

ตัวอย่างภาพถ่าย ไม่มีการปรับแต่งใดๆ เพียงย่อขนาดภาพเท่านั้น

ภาพปกติ

ภาพมุมกว้าง

ภาพ Live Focus

ระบบความปลอดภัย

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ซัมซุงให้ความสำคัญ คือ สแกนลายนิ้วมือในจอแบบ Ultrasonic ทดแทนปุ่มสแกนลายนิ้วมือด้านหลัง ซึ่งซัมซุงเคลมว่ามีคุณสมบัติที่ดีกว่าสแกนลายนิ้วในจอแบบออพติคอลของโทรศัพท์มือถือหลายรุ่น ถ้านิ้วเปียกน้ำหรือนิ้วเลอะจะทำให้สแกนยากหรือไม่ติด แต่ Ultrasonic ที่ซัมซุงใช้จะเป็นระบบคลื่นเสียง สแกนแบบ 3D ตรวจจับได้ทุกลายเส้นของนิ้วมือ ป้องกันการปลอมแปลงลายนิ้วมือ ซึ่งข้อจำกัดของสแกนลายนิ้วมือในจอแบบใหม่นี้จะไม่สามารถติดฟิลม์กระจกได้ ใช้ได้เฉพาะฟิลม์ปกติเท่านั้น

จากการทดสอบของผู้เขียนพบว่าเมื่อนิ้วแตะลงที่จุดสแกนต้องทิ้งน้ำหนักกดลงไปเล็กน้อย หากนิ้วเปียกน้ำหรือมีความมันทำให้สแกนติดยาก หากเอียงนิ้วก็ไม่สามารถสแกนติด ต้องใช้นิ้วกดลงเต็มๆ

แต่สิ่งที่ซัมซุงไม่ได้กล่าวถึงเลย นั่นคือ การปลดล็อกด้วยใบหน้า เป็นประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจากกล้องหน้าที่มีเลนส์ระยะชัดตื้น เพราะไม่เพียงใช้ถ่ายเซลฟี่ ยังใช้ปลดล็อกด้วยใบหน้าได้ในทุกสภาพแสง รวดเร็ว และช่วยปลดล็อกในหลายสถานการณ์ เช่น วางเครื่องไว้บนโต๊ะ ก็ไม่จำเป็นต้องหยิบเครื่องขึ้นมาให้ตรงกับใบหน้า แค่ยื่นหน้าไปที่ตัวเครื่องก็สามารถปลดล็อกได้แล้ว เป็นต้น ทำให้ส่วนตัวรู้สึกว่าใช้งานได้สะดวกกว่าสแกนลายนิ้วมือในจอ

PowerShare

อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ใน Galaxy S10+ ที่ช่วยชาร์จไร้สายให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับชาร์จไร้สายได้ เปิดใช้งานง่ายจาก Notification bar ด้านบน จากนั้นก็สามารถนำอุปกรณ์อื่นๆ วางบนฝาหลังของ Galaxy S10+ เพื่อชาร์จได้แล้ว

แบตเตอรี่

Galaxy S10+ มากับแบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh ใหญ่กว่า Galaxy Note 9 (แบตเตอรี่ 4000 mAh) และ Galaxy S9+ (แบตเตอรี่ 3500 mAh) โดยผู้เขียนได้ทดสอบกับแอป PCMark พบว่าตั้งแต่แบตเตอรี่ 100% ปล่อยให้แอปรันไปเรื่อยๆ ใช้เวลาทดสอบ 12 ชั่วโมง 44 นาที แบตเตอรี่ลดลงมาเหลือ 19% ยังใช้งานได้ต่ออีก 3 ชั่วโมง 39 นาที

สรุป

ภาพรวมของ Samsung Galaxy S10+ เชื่อว่าคงทำให้ผู้พบเห็นสะดุดตากับหน้าจอดีไซน์ Infinity-O เจาะรูสำหรับกล้องหน้า 2 ตัว พร้อมจอแสดงผลที่กว้างจนให้ความรู้สึกเกือบไร้ขอบ ส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลัง, ฟีเจอร์ PowerShare, สแกนลายนิ้วมือในจอหรือปลดล็อกด้วยใบหน้า รวมถึงกล้องหลัง 3 ตัว ถ่ายมุมกว้างได้ ล้วนเป็นส่วนที่มีในโทรศัพท์มือถือหลายค่ายมาก่อนซัมซุงแล้ว

แต่เมื่อจับมารวมกันทำให้ Galaxy S10+ ครบเครื่องในทุกๆ ด้าน ใช้งานง่ายสำหรับผู้ที่ไม่ได้ต้องการฟีเจอร์ที่หวือหวา พร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์ โดยส่วนตัวของผู้เขียนก็อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ครบเครื่องแบบนี้ยังมีอะไรอีกบ้างที่เราต้องการ

Blognone Jobs Premium