เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา SpaceX ได้ยิงจรวด Falcon 9 ที่ส่วนหัวเป็นแคปซูล Crew Dragon ขึ้นสู่วงโคจร ต่อมาแคปซูลได้เชื่อมต่อเข้ากับสถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ISS ได้สำเร็จ และคงอยู่ที่ ISS มาอีกห้าวัน
ล่าสุดวันนี้ช่วงบ่ายตามเวลาประเทศไทย แคปซูล Crew Dragon ได้แยกตัวออกจาก ISS และเริ่มเดินทางกลับสู่โลก ใช้เวลาราว 5 ชั่วโมง โดยก่อนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศมันได้เร่งตัวผลักดัน หรือ thruster เป็นเวลา 15 นาที เพื่อดิ่งเข้าชั้นบรรยากาศ ซึ่งแคปซูลเดินทางเร็วกว่าเสียงและเผชิญกับความร้อนมหาศาล (Elon Musk ให้สัมภาษณ์ว่าเขากังวลกับจังหวะนี้มากที่สุด)
หลังเข้าสู่โลก แคปซูลได้ปล่อยร่มชูชีพเล็ก (drogue chute) สำหรับชะลอความเร็วในขั้นแรก และค่อยๆ ปล่อยร่มชูชีพหลัก 4 ตัวในระยะถัดมา ทำให้แคปซูลมีความเร็วลดต่ำลงมาก และลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกในที่สุด โดยจุดที่แคปซูลตกนั้นห่างจากชายฝั่งฟลอริดาราว 370 กิโลเมตร ต่อมาเจ้าหน้าที่ SpaceX ก็เข้าไปปลดร่มชูชีพออกจากแคปซูล พร้อมเรือของ SpaceX ชื่อ Go Searcher ก็ได้แล่นเข้าไปเก็บแคปซูลขึ้นจากน้ำ
ต่อจากนี้นาซ่าจะรวบรวมผลจากภารกิจนี้ ซึ่งข้อมูลสำคัญคือข้อมูลจากเซ็นเซอร์จำนวนมากที่ติดอยู่กับหุ่นจำลองในแคปซูลชื่อ Ripley เสมือนเป็นมนุษย์จริงว่าจะรู้สึกอย่างไร รวมถึงเดือนหน้า SpaceX จะทำภารกิจยิงแคปซูลอีกครั้ง แต่เป็นการทดสอบระบบยกเลิกภารกิจฉุกเฉินหากจรวดเกิดปัญหาระหว่างการเดินทางออกนอกโลก โดยเครื่องยนต์ของแคปซูลจะผลักให้ตัวเองหนีห่างออกจากจรวดนั้น
หากภารกิจเดือนหน้าสำเร็จอีก นาซ่าจะส่งนักบินอวกาศ 2 คนโดยสารไปกับแคปซูลเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมปีนี้
ปัจจุบันหากนาซ่าต้องการส่งนักบินอวกาศขึ้นไปยังสถานีอวกาศนานาชาติจะต้องไปใช้บริการจรวด Soyuz ของรัสเซีย ซึ่งคิดค่าบริการราว 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อคน โดยสหรัฐอเมริกาไม่เคยส่งนักบินอวกาศเองมาตั้งแต่ปี 2011 แล้ว