Redmi Note 7 สมาร์ทโฟนภายใต้แบรนด์ Redmi แบรนด์ลูกของ Xiaomi ยังคงคอนเซปต์ราคาจับต้องได้และอัดสเปกเกินราคา คือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซลและแบตเตอรี่ 4,000 mAh และชิปเซ็ต Snapdragon 660 ในราคาเริ่มต้น 4,999 บาท ราคาจะสูงขึ้นตามแรมและหน่วยความจำที่ให้มาคือ
เครื่องที่ Blognone ได้มีโอกาสรีวิวเครื่องรุ่นกลางแรม 4 GB + หน่วยความจำ 64 GB
Redmi Note 7 มีสเปกที่คล้าย Xiaomi Mi 8 Lite และมีราคาใกล้เคียงกันด้วย คือใช้ชิปเซ็ตตัวเดียวกัน ขนาดหน้าจอเท่ากัน แต่ Redmi Note 7 โชว์เหนือกว่าคืออัดกล้องมา 48 ล้านพิกเซลและแบตเตอรี่อึดกว่า
Redmi Note 7 มีการโฆษณาจุดเด่นที่ความทนทานระดับที่ Lu Weibing , ผู้บริหารใน Xiaomi ทำคลิปทดสอบความทนของ Redmi Note 7 ให้ดูด้วยการใช้ Redmi Note 7 ทุบเปลือกวอลนัท ใช้แทนรองเท้าสเก็ต กระโดดเหยียบ กลิ้งลงจากบันได ใช้เป็นเขียงหั่นผลไม้ ใช้ทุบแตงโม และทุ่มด้วยทุเรียน แต่ Blognone ไม่มีความกล้าหาญพอจะทดสอบหนักขนาดนั้น
เข้าเรื่องที่รูปร่างหน้าตาตัวเครื่องคือคนเกลียดรอยแหว่งบนหน้าจอคงดีใจ เพราะ Redmi Note 7 ไม่มีรอยแหว่งสี่เหลี่ยมใหญ่บนหน้าจอเหมือนใน Note 6 แล้ว แต่เป็นติ่งหยดน้ำแทน พื้นที่หน้าจอให้มาเยอะกว่า Note 6 แต่ขอบจอยังคงมีความหนาอยู่มาก
ขนาดหน้าจอค่อนข้างใหญ่ 6.3 นิ้ว บอดี้เป็นกระจกจกโค้ง 2.5D และ Corning Gorilla Glass 5 ซึ่งสีส่วนตัวมองว่าสวยคือสีน้ำเงิน แต่เครื่องรีวิวที่ได้รับมาจาก Xiaomi เป็นสีดำ
ด้านหลังเครื่องเป็นกล้องคู่ เลนส์ตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.8 ใช้เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL Bright GM1 ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน ส่วนเลนส์อีกตัวมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีเซ็นเซอร์วัดความลึก พอร์ทประกอบด้วย USB Type-C, มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง ด้านขวาของเครื่องเป็นปุ่ม เปิด ปิด และปุ่มเพิ่มลดเสียง ส่วนช่องใส่ซิมอยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง
กล้องถ่ายภาพของ Redmi Note 7 มีโหมดต่างๆ ตามที่กล้องมือถือสมัยนี้พึงมี ได้แก่ โหมดกล้องธรรมดา, Portrait, Night, Square, Panorama และ Pro และที่น่าสนใจคือ มีโหมด Short Video ถ่ายวิดีโอสั้น 14 วินาที แยกจากโหมดถ่ายวิดีโอปกติ เหมาะสำหรับการถ่ายปุ๊บเอาคลิปไปลงสตอรี่ในโซเชียลต่อได้เลย
อย่างไรก็ตาม ความละเอียดของกล้อง 48 ล้านพิกเซลที่เป็นหนึ่งในจุดขายของ Redmi Note 7 นั้นจะมีให้เฉพาะการถ่ายรูปโหมดโปรเท่านั้น โดยจะเห็นตัวเลข 48MP ตามรูปภาพด้านล่าง ส่วนความละเอียดในโหมดอื่นตั้งไว้ที่ 12 ล้านพิกเซลเป็นค่าดีฟอลต์
ส่วนตัวชอบโหมด AI เพราะให้ความรู้สึกเหมือนถ่ายจากกล้องมือถือราคาแพง ส่วนโหมดโปรที่กล้องความละเอียด 48 ล้านพิกเซลนั้น ส่วนตัวมองว่ายังถ่ายยากและไม่ใช่คนรู้ทฤษฎีถ่ายภาพ จึงคิดว่าแค่กล้องธรรมดา 12 ล้านพิกเซล เปิดโหมด AI ควบคู่ด้วยกันก็เอาอยู่แล้ว
โหมด AI ของกล้อง Redmi Note 7 สามารถจับภาพกลางคืนได้ด้วย เมื่อยกกล้องขึ้นจะถ่ายภาพ ระบบจะเรียนรู้ว่าเป็นภาพแสงน้อยและถ่ายออกมา แต่กล้องก็มาพร้อมปุ่มถ่ายภาพกลางคืนด้วยเช่นกัน ซึ่งให้ผลที่ดีกว่ามากให้ AI ช่วยถ่าย แนะนำว่าถ้าจะถ่ายภาพกลางคืน ก็กดปุ่มโหมด Night ถ่ายเลยดีกว่า
เมื่อลองถ่ายโหมด Portrait ก็พบว่ากล้องทำได้ดี สู้กล้องราคาแพงได้ เพียงแต่ไม่ได้มีลูกเล่น เอฟเฟกต์เหมือนอย่างที่มือถือเดี๋ยวนี้มักจะมีกัน จากภาพข้างล่างจะเห็นได้ว่าหน้าดำนิดหน่อยเมื่อเทียบกับกล้อง Galaxy S10
Redmi Note 7 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย MIUI 10 ซึ่งเป็น UI ล่าสุดของ Xiaomi ด้วยความที่เป็นหน้าจอเต็มพื้นที่ และจะมองไม่เห็นปุ่มโฮม วิธีการนำทางแอพเมื่อต้องการกลับไปยังหน้าก่อนหน้าคือ ปัดขึ้นจากด้านล่างไปด้านบน เมื่อปัดจากล่างและเบี่ยงไปทางซ้ายเล็กน้อย ผู้ใช้จะสามารถกลับไปเลือกแอพที่เข้าค้างไว้ก่อนหน้าได้ และถ้าเลือกปัดจากล่างและเบี่ยงไปทางขวาก็จะกลายเป็นกลับหน้าโฮม ส่วนตัวรู้สึกว่าใช้งานไม่ยาก แต่ถ้าจะเปลี่ยนมาใช้ UI ประเภทนี้ก็คงต้องปรับตัวพอสมควร
Blognone ลองใช้ Geekbench 4 ทดสอบความสามารถแบตเตอรี่
Redmi Note 7 มีฟีเจอร์ชาร์จเร็วรองรับที่ 18W แต่ต้องซื้อตัวชาร์จเพิ่ม ซึ่งที่ชาร์จปกติที่แถมมาให้จะไม่ใช่ชาร์จเร็ว ซึ่งกว่าแบตเตอรี่จะขึ้นมาได้สัก 30-40% ใช้เวลา 30 นาที
เว็บไซต์ GSMARENA ได้ทำการทดสอบเบนช์มาร์คด้านต่างๆ โดยเทียบกับสมาร์ทโฟนในรุ่นและราคาไล่เลี่ยกัน ได้ผลดังนี้
GeekBench 4.1 ทดสอบ single-core
AnTuTu 7
สำหรับคนที่เพลียกับความแพงของมือถือไฮเอนด์ แต่อยากใช้บางฟีเจอร์ที่สู้ไฮเอนด์ได้ Redmi Note 7 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี มีคุณสมบัติครบ คือ กล้องดี แบตอึด แต่อาจต้องทำความคุ้นเคยกับ UI นานหน่อยสำหรับคนที่เพิ่งมาใช้ MIUI
Xiaomi ไม่ใช่เจ้าเดียวที่พยายามตีตลาดมือถือราคากลาง ยังมี Huawei, Honor, Samsung, Realme ให้เลือก และมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป เช่น เทียบ Redmi Note 7 กับ Realme 2 Pro ที่ฮาร์ดแวร์ใกล้เคียงกัน และราคาก็แทบจะเท่ากันคือ 6,590 บาท ดีไซน์ก็คล้ายกันมากด้วย แต่ Redmi แบตอึดกว่า ในขณะที่ Realme กล้องถ่ายวิดีโอ 4K ได้ มีลูกเล่นสติกเกอร์ AR ในกล้องหน้า เป็นต้น
สิ่งที่คิดว่าเป็นข้อด้อยของ Redmi Note 7 คือ ไม่รองรับถ่ายวิดีโอ 4K และไม่มี NFC ทั้งที่ชิปเซ็ตรองรับสามารถทำได้ และไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จเร็วมาในกล่องด้วย ซึ่งส่วนตัวมองว่าสำคัญมากสำหรับการใช้งานมือถือในปัจจุบัน