ซีอีโอ Tencent เกรงสงครามการค้านำไปสู่การกีดกันเทคโนโลยี จีนต้องเร่งงานวิจัยพื้นฐาน

by sunnywalker
22 May 2019 - 05:00

ที่งาน Tencent Global Digital Ecosystem Summit ซึ่งจัดขึ้นที่ยูนนาน Pony Ma ซีอีโอ Tencent ได้ให้แสดงความเห็นเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และ จีนในตอนนี้ จากการอ้างอิงจากสำนักข่าวท้องถิ่น 36kr เขาให้ความเห็นว่า ก็ต้องคอยจับตาดูต่อว่า สงครามการค้ารอบนี้ จะกลายเป็นสงครามเทคโนโลยี หรือการกีดกันทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่หรือไม่

ซึ่ง Ma ระบุว่า การจะแก้ปัญหานี้ได้ จีนต้องผลิตนวัตกรรมของตัวเอง และต้องลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีสำคัญๆ เพื่อให้เศรษฐกิจดิจิทัลของจีนมีรากฐานที่มั่นคง


ภาพ Pony Ma ในงานประชุม China International Big Data Expo 2017

การแถลงบนเวทีของ Pony Ma นั้นไม่ได้อยู่ในกำหนดการ เขาเริ่มต้นด้วยการพูดถึงยุทธศาสตร์ของ Tencent ที่จะช่วยพัฒนาภาคส่วนต่างๆ ของจีนโดยเฉพาะการท่องเที่ยว เขายังได้พูดถึง 5G ด้วยว่า ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า สินค้า 5G จะค่อยๆทยอยเปิดตัว ส่งผลให้มีอุปกรณ์มากกว่า 1 ล้านเครื่องต่อตารางกิโลเมตร ซึ่งมาพร้อมกับเครือข่ายที่มีแบนด์วิดธ์ขนาดใหญ่ ความหน่วงต่ำและสามารถควบคุมได้สูง ปัญญาประดิษฐ์จะสามารถส่งตรงถึงครัวเรือนเป็นพันๆแห่ง ต้นทุนการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมต่างๆจะลดลง การพัฒนาของบริษัทเทคโนโลยีจะเข้าสู่ช่องทางที่รวดเร็วหรือ fast lane

"ในแง่ของความสามารถของการพัฒนาเทคโนโลยี วันนี้ประเทศจีนได้มาเป็นแนวหน้าแล้ว แต่กลับมีพื้นที่ที่ได้รับการยอมรับน้อย กรณีเหตุการณ์ของ ZTE และหัวเว่ยก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น และเรามีความกังวลว่าสงครามการค้าจะพัฒนาไปสู่สงครามวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือไม่ ดังนั้นหากเราไม่ทำงานหนักต่อไปในการวิจัยขั้นพื้นฐานและเทคโนโลยีที่สำคัญ เศรษฐกิจดิจิทัลของเราก็จะกลายเป็นอาคารสูงบนหาดทรายและยากต่อการทรงตัว" Ma กล่าว

ก่อนหน้านี้ Ma เคยพูดเน้นย้ำความสำคัญของการสร้างเทคโนโลยีเอง เช่น ชิปประมวลผล ลดการพึ่งพาสินค้าสหรัฐฯและลดความเสี่ยงจากการกีดกันทางการค้า

อย่างที่ได้ทราบกันว่าสหรัฐเริ่มแข็งกร้าวมากขึ้นกับการค้ากับจีนโดยเฉพาะบริษัทหัวเว่ยและ ZTE ที่กำลังทำตลาดอุปกรณ์ 5G อย่างหนัก โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯก็ออกคำสั่งห้ามบริษัทสัญชาติอเมริกันใช้อุปกรณ์สื่อสารของต่างชาติที่ "อาจ" เป็นภัยความมั่นคง ซึ่งแม้ในแถลงการจะไม่ได้ระบุชื่อประเทศจีนและบริษัทรายใดในจีน แต่จากสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯและบริษัทไอทีจีนอย่างหัวเว่ยนั้น ก็ทำให้มันดูออกจะชัดเจนอยู่แล้ว

ที่มา - CNBC, 36kr

Blognone Jobs Premium