พูดถึง Netflix หลายคนอาจจะนึกถึงผู้ให้บริการสตรีมมิ่งเจ้าแรกๆ ขณะที่ฝั่งเทคโนโลยีหลังบ้าน Netflix เองก็มีชื่อเสียงไม่น้อยในการออกแบบเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมหลังบ้านของตัวเอง ล่าสุด Netflix ออกฟีเจอร์ใหม่ High Quality Audio ซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพเสียง รวมถึงปรับคุณภาพเสียงให้เหมาะสมกับคุณภาพอินเทอร์เน็ต ณ เวลานั้นๆ ด้วย
ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์กับคุณ Scott Kramer ตำแหน่ง Production Sound Technology Manager ของ Netflix ถึงรายละเอียดของฟีเจอร์นี้ ซึ่งคุณ Scott เล่าว่าจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีเกิดมาช่วงรีวิว Stranger Things 2 ในปี 2017 ก่อนจะปล่อยฉายจริง พี่น้อง Duffer ผู้กำกับและนักเขียนแสดงความเห็นออกมาว่าเสียงในหลายๆ ฉากของตัวหนัง ทำให้ทีมงาน Netflix ต้องปรับปรุงคุณภาพเสียงของ Stranger Things 2 อย่างจริงจัง ก่อนจะต่อยอดออกมาเป็นฟีเจอร์นี้ และถูกนำมาใช้งานกับทุกเรื่องบน Netflix
คุณสมบัติของ High Quality Audio มีอยู่ 2 ส่วนหลักๆ คือคุณภาพเสียงที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับที่สุด จากบิทเรทที่เพิ่มขึ้นและ Adaptive Streaming ที่ปรับการสตรีมเสียงของภาพยนตร์ให้เหมาะสมกับคุณภาพและแบนด์วิธของอินเทอร์เน็ตช่วงนั้นๆ เพื่อลดอาการบัฟเฟอร์ของตัวภาพยนตร์
ในเรื่องของคุณภาพเสียง Netflix เรียกคุณภาพเสียงแบบนี้ว่า percentually transparent ซึ่งต้องการเปรียบเทียบว่าแทบจะไม่แตกต่างจากเสียงแบบ lossless ในระดับที่คนฟังจะรู้สึกได้ (ประมาณว่าเสียงไม่ผ่านการกรอง ผ่านการบีบอัด เหมือนแสงที่ทะลุผ่านกระจก)
จากการทดสอบภายในและทดสอบด้วยอุปกรณ์จาก Dolby ทีมวิศวกรของ Netflix ได้ข้อสรุปว่าบิทเรทที่เหมาะสมที่สุดคือ 640 kbps สำหรับแชนแนล 5.1 เพราะหากสูงกว่านี้ จะเปลืองแบนด์วิธโดยใช่เหตุ โดยที่ไม่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การฟังของผู้ชมได้อย่างมีนัยยะสำคัญ อย่างไรก็ตามหากระบบเสียงที่บ้านรองรับ Dolby Atmos และเป็นสมาชิกระดับ Premium บิทเรทที่ Netflix จะสตรีมให้สูงสุดจะเพิ่มเป็น 768 kbps
ด้วยบิทเรทที่เพิ่มขึ้น ก็น่าจะส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ใช้งานของคนดู ที่ผ่านมา Netflix สตรีมเสียงแบบบิทเรทคงที่ (static) มาโดยตลอด ขณะที่ในส่วนของสตรีมภาพ Netflix ปรับมาใช้แบบ adaptive ที่ปรับบิทเรท ตามคุณภาพของอินเทอร์เน็ต ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ นานแล้ว (นึกภาพว่าเน็ตช้าลง แล้วอยู่ๆ จากภาพระดับ HD ลงมาเหลือแค่ 360p พอเน็ตกลับมาเร็วภาพก็กลับมา HD)
ตอนนี้ในฝั่งสตรีมเสียงก็นำระบบ adaptive นี้มาใช้ด้วยเช่นกัน โดยบิทเรทที่ Netflix ตั้งเอาไว้มีตั้งแต่ 192 kbps ที่คุณภาพเสียงยังถือว่าอยู่ในระดับดี ไปจนถึง 640 kbps ที่เป็นระดับ transparent โดยอัลกอริทึมของ Netflix จะพิจารณาจากทั้งคุณภาพอินเทอร์เน็ตและสมรรถภาพของอุปกรณ์ที่รัน ก่อนจะสตรีมภาพและเสียงให้ออกมาในคุณภาพที่ดีที่สุดเท่าที่ปัจจัยทั้ง 2 จะรองรับ ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยหลีกเลี่ยงการบัฟเฟอร์ ซึ่งส่งผลต่อประสบการณ์การดูภาพยนตร์
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ระบบหลังบ้านของ Netflix ดังนั้น High Quality Audio รองรับบนทุกอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ค, สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, ทีวี ไปจนถึงโฮมเทียร์เตอร์ รองรับ สมาชิกทุกระดับตั้งแต่ Basic จนถึง Premium รวมถึงรองรับภาพยนตร์/ซีรีส์ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Original หรือไม่ก็ตาม