ช่วงที่ผ่านมาตลาด Smart Band หรือ Fitness Tracker กลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อ Xiaomi เปิดตัว Mi Band 4 ด้วยคุณสมบัติที่จัดเต็มใกล้เคียงกับคู่แข่งที่ราคาหลายพัน แต่มาในราคาแค่ 1,290 บาทเท่านั้น หรือหากสั่งซื้อจากบนเว็บก็พอมีราคาต่ำพันขายด้วยซ้ำ
รีวิวนี้จะพาไปดูความสามารถของ Mi Band 4 อย่างสั้นๆ ว่ามันคุ้มสมชื่อมันจริงหรือไม่
Disclaimer: บทความนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จาก Xiaomi ผู้เขียนซื้อมาใช้เอง
ดีไซน์ของ Mi Band 4 ไม่แตกต่างจาก Mi Band 3 มากนัก หน้าจอเป็น AMOLED แบบมีพื้นที่เหลือด้านล่างเล็กน้อยประมาณ 1 ใน 5 เป็นปุ่ม back แบบซอฟท์ทัชโดยไม่มีปุ่มจริงใดๆ เลย
ฟีเจอร์รวมๆ ของ Mi Band 4 ก็ไม่แตกต่างจากเดิมหรือ Fitness Tracker รุ่นอื่นๆ มากนัก ไม่ว่าจะการตรวจจับการออกกำลังกาย, การเต้นหัวใจ, บอกอุณหภูมิ, แจ้งเตือน ไปจนถึงตั้งเป็นนาฬิกาปลุกหรือจับเวลาได้ในตัว
ตัวเลือกใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือการควบคุมเพลง ซึ่งเข้าถึงได้จากการปัดซ้ายในหน้าโฮม และรอประมาณครึ่งถึง 1 วินาที จึงจะสามารถควบคุมเพลงและปรับเสียงได้ ซึ่งส่วนตัวถือว่าพอรับได้ เพราะสะดวกกว่าการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอยู่ไม่น้อย โดยผมใช้ควบคุม Spotify อยู่แอปเดียว
Mi Band 4 จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอป Mi Fit ที่อินเทอร์เฟสค่อนข้างเรียบง่ายและสบายตา ขณะที่ข้อมูลด้านสุขภาพสามารถซิงก์กับ Google Fit ได้ด้วย (บน iOS ก็จะเชื่อมกับ Health) ส่วนตัวเลือกหน้าปัดนาฬิกาก็ค่อนข้างเยอะด้วย
Xiaomi บอกว่า Mi Band 4 สามารถใช้งานได้สูงสุด 20 วัน ส่วนตัวใช้มาแล้ว 5 วัน จากแบตเตอรี่ราว 90% เหลือที่ 67% (หายไปประมาณ 23%) เทียบบัญญัติไตรยางค์ (23% กับ 5 วัน) แบตที่เหลืออยู่จะใช้งานได้อีกราว 15 วัน
ปริมาณการใช้งานแบตเตอรี่ของ Mi Band 4 จะขึ้นอยู่กับการตั้งค่าใน Mi Fit ด้วย โดยผมตั้งให้ Mi Band ตรวจจับการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Detection) เฉพาะตอนนอนเท่านั้น ซึ่งกินแบตเตอรี่น้อยที่สุด (น้อยกว่านี้คือปิดฟีเจอร์นี้เลย) เราสามารถเลือกได้ว่าจะเปิดให้จับแบบอัตโนมัติ (จะกินแบตมากขึ้น) หรือตรวจจับอัตโนมัติและตรวจจับตอนนอนด้วย (กินแบตมากที่สุด)
และด้วยความที่ Mi Band 4 สามารถกันน้ำได้ เราสามารถใส่อาบน้ำไปได้เลยยาวๆ โดยไม่ต้องถอดเลย
ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ใช้งาน Galaxy Fit มาก่อนด้วยและพบว่าความสามารถทั้งหมดไม่ต่างกันเลย นอกจากแบตอึดกว่า (Galaxy Fit อยู่ได้ราว 1 สัปดาห์) และควบคุมเพลงได้ แถมราคาถูกกว่าเพียง 1 ใน 3 เลยยิ่งรู้สึกว่า Mi Band 4 แทบจะไม่มีคู่แข่งในกลุ่มนี้เลย