ชวนดูหนัง The Great Hack ใน Netflix ว่าด้วยการขโมยข้อมูลของบริษัท Cambridge Analytica

by sunnywalker
29 July 2019 - 13:19

คำเตือน: มีการเปิดเผยเนื้อหา

Netflix มีหนังสารคดีใหม่เรื่อง The Great Hack ว่าด้วยการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลจากโซเชียลมีเดียของบริษัท Cambridge Analytica และหาประโยชน์จากข้อมูลนั้นให้ฝ่ายการเมืองช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016

The Great Hack นำเสนอการสืบสวนเจาะลึกบริษัท Cambridge Analytica โดยตรง เปิดโปงวิธีการใช้ข้อมูลและวิธีการใช้โซเชียลเป็นช่องทางในการควบคุมความคิดทางการเมืองของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง นอกจากนี้หนังยังเปิดเผยความจริงที่น่าตกใจหลายอย่าง Blognone เห็นว่าเรื่องนี้น่าสนใจและควรเขียนแนะนำเป็นอย่างยิ่ง

(Fun Fact: วันที่ FTC ตัดสินปรับเงินเฟซบุ๊กเป็นวันเดียวกันกับที่สารคดี The Great Hack ออกฉายทาง Netflix)


ภาพจาก The Great Hack

ย้อนความกรณี Cambridge Analytica

กระบวนการหาประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลเริ่มต้นในปี 2016 แต่กลายมาเป็นเรื่องใหญ่เมื่อเฟซบุ๊กมาเปิดเผยในภายหลังว่า Cambridge Analytica หรือ CA นำข้อมูลผู้ใช้งานไปใช้และไม่ยอมลบตามสัญญาที่เคยให้ไว้ ส่งกระทบต่อข้อมูลผู้ใช้ 87 ล้านบัญชี ที่ CA สามารถเข้าถึงโดยเจ้าของข้อมูลไม่รู้ตัวและไม่ได้ให้ความยินยอมมาตั้งแต่ต้น

ประเด็นดังกล่าวทำให้เฟซบุ๊กต้องลำบากจนถึงตอนนี้ และล่าสุดเพิ่งโดน FTC ตัดสินปรับเป็นเงินประมาณ 150,000 ล้านบาท (สำหรับรายละเอียดข้อมูลหลุดเฟซบุ๊กสามารถอ่านย้อนหลังได้ที่นี่)


ภาพตอน Mark Zuckerberg ให้การต่อสภา (จาก Getty Images)

CA เป็นผู้มีประวัติทำแคมเปญการเมืองมานาน ลูกค้ามักเป็นพรรคการเมืองขวาจัด

CA คือบริษัทวิจัยข้อมูลที่ตั้งอยู่ในลอนดอน ซีอีโอ Alexander Nix ก่อตั้งบริษัทโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวางกลยุทธ์การสื่อสารแคมเปญการเมืองช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ลูกค้าของ CA มักเป็นนักการเมืองในหลายประเทศ เช่น Ted Cruz, Donald Trump รวมทั้งแคมเปญเพื่อการถอนตัวของสหราชอาณาจักรจาก EU หรือ Brexit ก็เป็นผลงานของบริษัท CA ด้วย

CA มีบริษัทแม่คือ SCL ที่ปัจจุบันมีชื่อเสียงเรื่องการทำแคมเปญการเมืองผ่านโซเชียลมีเดีย แต่ในอดีต SCL เคยอยู่เบื้องหลังการสื่อสารทางทหารในช่วงสงครามด้วย โดยใช้ชื่อว่า SCL Defense และใช้วิธีโน้มน้าวพฤติกรรมของฝ่ายศัตรู เช่น สื่อสารให้เยาวชนในอิรักว่าไม่ควรเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้าย เป็นต้น

SCL นำวิธีทางการทหารมาใช้กับการโปรโมทนักการเมืองฝ่ายขวา รูปแบบคือยิงเนื้อหาแคมเปญไปยังโซเชียลมีเดีย โดยเล็งกลุ่มเป้าหมาย (targeting) ไปยังผู้มีสิทธิ์โหวตในแต่ละประเทศทั่วโลก เช่น ไนจีเรีย บราซิล อินเดีย รวมถึงประเทศไทยช่วงปี 1997 ด้วย

CA อ้างว่ามีข้อมูลของผู้มีสิทธิ์โหวตในอเมริกาถึงรายละ 5,000 จุดข้อมูล (data points) และมีวิธีการพลิกเกมการเมืองให้ลูกค้าตัวเองชนะเลือกตั้ง ด้วยการยิงข่าวปลอม ใส่ร้ายป้ายสีฝั่งตรงข้าม โดยใช้ข้อมูลพฤติกรรมคนในโซเชียล (ที่ CA ได้มาแบบผิดๆ) ส่งไปหาคนที่มีแนวโน้มจะเชื่อข่าวลวงที่สร้างขึ้น (Persuadables)

ผลงานของ CA ทำให้ Ted Cruz นักการเมืองฝ่ายขวาของพรรครีพับลิกันได้รับความนิยมขึ้นมาในเวลาเพียง 14 เดือน ส่วนโปรเจกต์ Alamo ที่ CA รับทำงานให้ Trump ก็ใช้เงินลงโฆษณาในเฟซบุ๊กถึงวันละ 1 ล้านดอลลาร์เพื่อยิงแคมเปญลักษณะนี้

หนังเปิดเผยเรื่องน่าตกใจอีกอย่างคือหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท CA คือ Steve Bannon เจ้าของเว็บไซต์ breitbart เว็บข่าวขวาจัด ที่มักเสนอข่าวรุนแรง เหยียดชาติพันธุ์และเต็มไปด้วย Hate Speech และตัว Bannon เองก็เคยเป็นที่ปรึกษายุทธศาสตร์ให้ทรัมป์ด้วย

พฤติกรรมดังกล่าวทำให้ Brittany Kaiser และ Christopher Wiley หนึ่งในพนักงานที่มีบทบาทสำคัญของ CA ต้องออกมาเปิดโปงผ่านสื่อ โดย Wiley บอกว่า สิ่งที่ CA เป็นไม่ใช่บริษัทข้อมูล แต่เป็นบริษัทผลิตโฆษณาชวนเชื่อโดยใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนเสียมากกว่า

โซเชียลมีเดียกลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย และการเลือกตั้ง

หนังชวนตั้งคำถามว่านิยามของ "โซเชียลมีเดีย" ในฐานะ "แพลตฟอร์มที่เชื่อมคนเข้าหากัน" และ "เปิดแรงบันดาลใจใหม่ๆ" อย่างที่ผู้บริหารบริษัทโซเชียลชอบบอกนั้น มันเป็นอย่างที่พูดจริงหรือ เพราะเห็นได้ชัดว่าโซเชียลมีเดียและข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน และกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองชั้นดีในการยิงโฆษณาชวนเชื่อที่สร้างผลเชิงลบต่อสังคม

หนังยังแตะประเด็นเรื่องเฟซบุ๊กกับการผูกขาดความสนใจ ผู้ใช้งานใส่ข้อมูลจำนวนมากของตัวเองลงไปในโซเชียลโดยไม่รู้ตัว เปิดโอกาสให้ผู้ไม่หวังดีเข้าถึงได้ และยังแตะประเด็นเฟซบุ๊กในเมียนมาร์ว่ามีส่วนกระจายความเกลียดชังชนกลุ่มน้อยในพื้นที่นำมาซึ่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ในหนังมีรายละเอียดยิบย่อยอีกมากที่อยากให้คนที่สนใจเรื่องความเป็นส่วนตัวตามไปดูกันต่อ โดยเฉพาะผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียทุกวันไม่ว่าจะในช่องทางไหน ดูแล้วจะเห็นภาพชัดขึ้นว่า ทำไม CA ถึงต้องการข้อมูลและความสนใจส่วนบุคคลไปเป็นสินค้า และจะเข้าใจวิธีการที่บริษัทหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่ง สามารถใส่ข้อมูลเข้าไปอยู่ในหัวของผู้คนนับล้านเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้

หนังสารคดี The Great Hack ความยาว 113 นาที ออกฉายครั้งแรกในเทศกาลหนังซันแดนซ์เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา และวันที่ 24 ก.ค. ถึงลงฉายใน Netflix

The Great Hack กำกับโดย Karim Amer, Jehane Noujaim ซึ่งเคยฝากฝีมือไว้ในหนัง The Square ว่าด้วยอาหรับสปริง ปัจจุบันได้เรตติ้งบน IMDb 7.1

Blognone Jobs Premium