เปิดวิสัยทัศน์ MINE รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ไทย ที่ไม่ได้ต้องการเป็น Tesla of Thailand

by blognonetomorrow
2 August 2019 - 02:09

หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อของคุณสมโภชน์ อาหุนัย ซีอีโอของบริษัท “พลังงานบริสุทธิ์” Energy Absolute (EA) กันมาในหลายด้าน บางคนอาจรู้จักเขาในฐานะหนึ่งในผู้บุกเบิกพลังงานทางเลือกในประเทศไทย ทั้งไบโอดีเซล แสงอาทิตย์ และพลังงานลม บางคนอาจรู้จักเขาในฐานะมหาเศรษฐีรุ่นใหม่ของไทย (ปัจจุบันอยู่อันดับ 10 ของอันดับมหาเศรษฐีไทยที่จัดโดย Forbes ประจำปี 2019 และเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 3 จากการจัดอันดับของวารสารการเงินการธนาคาร มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท)

แต่อีกบทบาทหนึ่งของคุณสมโภชน์คือ “วิศวกร” (จบการศึกษาปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) และเขากำลังสร้าง “รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ไทย” ในชื่อว่า MINE Mobility

นิตยสาร Bloomberg อาจยกย่องโปรเจคต์ของเขาว่า MINE คือ “Tesla of Thailand” แต่จริงๆ แล้วรถยนต์ไฟฟ้าของคุณสมโภชน์ มีเป้าหมายแตกต่างจาก Tesla อย่างสิ้นเชิง

เมื่อพูดถึงความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมรถยนต์ในช่วงนี้ เราจะเห็นทั้งการเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานจากน้ำมันมาสู่แบตเตอรี่ ผนวกกับเทคโนโลยีล้ำๆ อย่างรถยนต์ไร้คนขับ หรืออย่างน้อยก็ระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติ อย่างที่ Tesla แสดงให้เห็นเป็นต้นแบบ

“เราต้องรู้สถานะของตัวเองว่าอยู่ตรงไหน” คุณสมโภชน์ตอบคำถามนี้เมื่อมีคนถามขึ้นมาว่า MINE จะมีระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติหรือไม่ “เอาพื้นฐานให้แน่นก่อนดีกว่า” นี่คือคำตอบเชิงปฏิเสธแบบกลายๆ ของเขา

ชื่อแบรนด์ MINE มีความหมายที่ลึกซึ้ง เพราะมาจากคำว่า “MIssion No Emission” หรือภารกิจในการผลักดันยานพาหนะที่ไม่ต้องปล่อยคาร์บอน แต่การเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้น้ำมัน เข้ามาสู่รถยนต์ไฟฟ้า นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะมีอุปสรรคขวางกั้นเต็มไปหมด

แนวคิดของ Energy Absolute จึงเป็นการสร้าง ecosystem ที่พร้อมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้อในไทย อย่างที่เราเริ่มเห็นจุดชาร์จแบรนด์ EA Anywhere เริ่มโผล่ขึ้นมาตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปั๊มน้ำมัน หรือห้างสรรพสินค้า

แนวคิดของ EA Anywhere นั้นชัดเจนว่าเปิดรับรถยนต์ไฟฟ้าจากทุกค่าย และ MINE ก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในแบรนด์เหล่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้รถยี่ห้อ MINE ก็ได้ ทาง EA ก็มีรายได้จากค่าชาร์จไฟ หรือถ้าใช้ MINE ก็ดี เพราะ EA ก็ได้ฐานลูกค้าเพิ่ม

ในขณะที่ Tesla เริ่มต้นจากการออกรถสปอร์ตราคาแพง (Roadster) แล้วไล่ลงมาผลิตรถยนต์ที่ราคาถูกลงเรื่อยๆ แนวคิดของ MINE นั้นกลับกัน คือต้องการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกมากๆ (รุ่นแรกราคาเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท) ระยะการวิ่งไม่ต้องไกลมาก (รุ่นแรก 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง) และเน้นการใช้ในเชิงพาณิชย์ก่อน เช่น ใช้เป็นรถแท็กซี่ หรือรถเช่า

คุณสมโภชน์มองว่า ด้วยต้นทุนพลังงานที่ถูกลงเรื่อยๆ เมื่อบวกกับการอุดหนุนจากนโยบายภาครัฐ และเครือข่ายจุดชาร์จของ EA เอง การใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะมีต้นทุนรวมที่ถูกกว่ารถยนต์น้ำมันแบบดั้งเดิม หากแท็กซี่เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ของ MINE แล้วลดต้นทุนลง เพิ่มรายได้ให้คนขับ หากราคาขายของรถยนต์ไฟฟ้าถูกมากพอ แล้วอะไรล่ะคือเหตุผลที่แท็กซี่จะไม่เปลี่ยนมาใช้ MINE

แนวคิดการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของ MINE ที่ถูกต้องถูกเวลา ทำให้ตอนนี้ MINE มีออเดอร์จากกลุ่มสหกรณ์แท็กซี่ 5 บริษัทแล้วจำนวน 3,500 คัน ในขณะที่คุณสมโภชน์ตั้งเป้ายอดขายในปีแรกไว้เพียง 5,000 คันเท่านั้น

“ผมยังไม่กล้าขายเยอะ รถยนต์รุ่นแรกต้องมีบั๊ก มีปัญหาแน่นอน ถือว่าเป็นการลองตลาด มีปัญหาเรายินดีเปลี่ยนให้”

แนวทางการออกแบบ MINE ก็ถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี ตั้งแต่การแก้ปัญหาเรื่องซ่อมบำรุง ศูนย์บริการน้อยเป็นปกติสำหรับรถยนต์แบรนด์ใหม่ และความชำนาญของช่างยังไม่มาก ทางออกคือการเลือกใช้ชิ้นส่วนมาตรฐานแบบเดียวกับที่ช่างไทยคุ้นเคย เพื่อลดภาระเรื่องการซ่อมบำรุงลงให้มากที่สุด

จุดเปลี่ยนเกมอีกประการของ MINE คือเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่ ที่ EA เข้าไปลงทุนในบริษัท Amita Technologies ของไต้หวัน (ปัจจุบัน EA ถือหุ้นเกิน 70%) และกำลังเริ่มสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ Gigafactory ลักษณะเดียวกับ Tesla แต่เกิดขึ้นในพื้นที่ประเทศไทย

เบื้องหลังแนวคิดการออกแบบ MINE เป็นอย่างไร มีอะไรที่ละเอียดลึกซึ้งลงไปกว่านั้น คุณสมโภชน์จะมาเล่าให้ฟังในฐานะ Keynote Speaker ของงาน Blognone Tomorrow 2019 วันที่ 9 กันยายน 2019 ซึ่งเราไม่ได้เชิญเขามาในฐานะนักการเงิน นักลงทุน หรือนักธุรกิจ แต่ขอให้มาพูดในฐานะ “วิศวกร”

ซื้อบัตรเข้างานในราคาถูกที่สุด พิเศษ Early Bird ขยายเวลา จากหมดวันที่ 8 สิงหา เป็น 15 สิงหาคมนี้ ซื้อได้จาก EventPop

Blognone Jobs Premium