Volkswagen Group เป็นเจ้าของบริษัทรถยนต์มากถึง 12 ยี่ห้อ เช่น Audi, Porsche, Lamborghini, Bentley, Bugatti รวมถึงรถ Volkswagen เอง และแต่ละยี่ห้อก็แยกกันพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ ของตนเอง ซึ่งแต่ก่อนก็คงจัดการไม่ลำบากนัก แต่ในโลกยุคปัจจุบันที่รถยนต์หนึ่งคันอาจมีโมดูลต่างๆ มากถึง 70 โมดูล ประกอบด้วยซอฟต์แวร์จากเวนเดอร์ถึง 200 เจ้า ทำให้การจัดการมีความยุ่งยากมาก
Christian Senger หัวหน้าฝ่ายรถยนต์และบริการดิจิทัลของ Volkswagen Group ได้ให้สัมภาษณ์ว่าปัจจบุันซอฟต์แวร์มีความซับซ้อนสูง มีการเชื่อมต่อไปหลายที่ทำให้สุดท้ายมันกลายมาเป็นปัญหาเสียเอง ขั้นตอนต่างๆ ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมาจากการวางรากฐานแต่ก่อนโดยให้ Volkswagen, Audi และ Porsche พัฒนาซอฟต์แวร์ของรถตัวเองแยกกัน เพราะต้องการเห็นการแข่งขันภายในเพื่อให้แต่ละบริษัทพัฒนาสิ่งที่ดีที่สุดออกมา
การทำแบบนี้ก่อให้เกิด fragmentation โดย Volkswagen Group ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่างๆ รวมกันกว่าสิบล้านคันต่อปี มีแพลตฟอร์มกลางที่ต่างกันราว 8 แบบ เช่น MQB สำหรับรถซีดานทั่วไป, MLBevo สำหรับรถซีดานและ SUV หรู และล่าสุดเป็น MEB สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แต่ Senger บอกว่าในโลกของซอฟต์แวร์ไม่จำเป็นต้องมีสถาปัตยกรรมถึง 8 แบบ โดยเขายกตัวอย่างว่าระบบปฏิบัติการ Android สามารถรันได้บนมือถือราคา 60 ดอลลาร์สหรัฐไปจนถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อคิดได้ดังนั้น Volkswagen Group จึงตัดสินใจตั้งทีมใหม่ที่จะมีพนักงาน 5,000 ถึง 10,000 คน เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ตัวเดียวสำหรับรถยนต์ทั้ง 12 ยี่ห้อ เพราะปัจจุบันซอฟต์แวร์ควบคุมระบบช่วงล่างก็แยกไปแบบหนึ่ง, ระบบขับเคลื่อนก็ไปอีกแบบหนึ่ง, ระบบอินโฟเทนเมนต์ก็อีกแบบหนึ่ง และมีปัญหาตลกๆ เช่นซอฟต์แวร์ระบบขับเคลื่อนต้องใช้นาฬิกาจาก GPS ในระบบนำทาง และหากระบบนำทางพังขึ้นมา รถก็วิ่งไม่ได้ไปด้วย นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนอะไรก็มักมีผลกระทบไปถึงส่วนอื่นๆ ด้วย
หลังจากนี้เมื่อมีระบบปฏิบัติการเดียวสำหรับรถทุกยี่ห้อ การจัดการก็ง่ายขึ้น โดยส่วนที่แต่ละยี่ห้อต้องทำเพิ่มก็เหลือแค่การปรับ UX ให้เป็นของตนเท่านั้น
ส่วนระบบอินโฟเทนเมนต์ Senger ระบุว่าบริษัทจะใช้ Android เพราะมีแอพจำนวนมาก แต่จะไม่ใช้ Android สำหรับรถยนต์ (เขาไม่ได้ระบุชื่อ Android Auto แต่น่าจะใช่) เพราะหากใช้ Android เต็มรูปแบบบริษัทจะต้องแชร์ข้อมูลเซ็นเซอร์ทั้งหมดในรถให้กูเกิลด้วย ซึ่งนั่นไม่ใช่นโยบายของ Volkswagen Group (ด้าน Toyota ก็เคยกังวลเรื่องเดียวกันนี้ แต่สุดท้ายก็ยอมใช้)
การเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นช้าๆ โดยทีมที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ยังไม่มีชื่อเสียด้วยซ้ำ และจะมีสมาชิกเต็มทีมภายในปี 2025
ที่มา - Ars Technica