เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Tesla จัดงาน Tesla Autonomy Day และได้เปิดตัวออนบอร์ดคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ในชื่อ FSD (Full Self-Driving) พร้อมระบุว่าคอมพิวเตอร์ตัวนี้จะเป็นฮาร์ดแวร์ของ Tesla ตัวแรกที่รองรับการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบในอนาคต
โมเดลการขายรถของ Tesla ที่ทำมาตั้งแต่อดีตคือเปิดให้ลูกค้าซื้อ "แพ็คเกจ" ขับอัตโนมัติ (Full Self-Driving) ไว้ก่อนได้ แม้ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้จะยังไม่มีฟีเจอร์ดังกล่าวก็ตาม และคนที่ซื้อแพ็คเกจนี้ไว้จะได้รับสิทธิ์อัพเกรดฟีเจอร์ใหม่ๆ ฟรี รวมถึงฟีเจอร์ขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบเมื่อใดก็ตามที่ Tesla ปล่อยออกมา โดยไม่เกี่ยงว่าจะซื้อรถมาตั้งแต่ปีไหน ผ่านมาห้าเดือน มีรายงานว่าขณะนี้มีเจ้าของรถ Tesla Model S คนแรกที่ได้รับอัพเกรดคอมพิวเตอร์ FSD แล้ว
ตามรายงานระบุว่า Sofiaan Fraval ได้นำรถ Tesla Model S P100DL (Dual motor, ludicrous) ซึ่งเป็นออปชันสูงสุดที่ Tesla มี เข้าไปเปลี่ยนไส้กรองอากาศ HEPA ที่ศูนย์บริการเมือง Santa Barbara รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยตัว Fraval เองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไร แต่พอได้รถคืนกลับมีรายการติดตั้งคอมพิวเตอร์ FSD อยู่ด้วย และเจ้าหน้าที่ศูนย์ได้แจ้งว่ารถของเขาเป็นคันแรกที่ได้รับการอัพเกรดดังกล่าว แน่นอนว่าไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ฟีเจอร์ขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบยังไม่มีจริง การอัพเกรดฮาร์ดแวร์นี้เป็นเพียงการเตรียมพร้อมเท่านั้น แต่รถ Tesla ของ Fraval ก็น่าจะประมวลผลระบบ Autopilot ได้ดีและเร็วขึ้นกว่าเดิม เพราะฮาร์ดแวร์ FSD มีประสิทธิภาพสูงกว่าคอมพิวเตอร์รุ่นเดิมอยู่พอสมควร
ปัจจุบันลูกค้าสามารถซื้อแพ็คเกจ FSD ได้ที่ราคา 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.8 แสนบาท และ Tesla ระบุว่าราคาจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อระบบขับอัตโนมัติใกล้เสร็จสมบูรณ์
ที่มา - CleanTechnica