พอดีทางเดลล์ส่งคอมพิวเตอร์มาให้ผมทดสอบอยู่สี่ห้ารุ่นนะครับ หนึ่งในนั้นคือ Dell Mini 12 ผมเลยไม่ลังเลที่จะหยิบมันมาทดสอบเป็นเครื่องแรก ว่าแล้วก็เอาเลย
Dell Mini 12 นับเป็นความแหกคอกที่สุดนับแต่มีเน็ตบุ๊กเป็นต้นมาด้วยหน้าจอขนาด 12 นิ้วความละเอียด WXGA (1280x800) ไม่แตกต่างไปจากโน้ตบุ๊กที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวัน
ผมได้เน็ตบุ๊กตัวนี้มาในกล่อง XPS เนื่องจากทางทีมงานได้ส่งเจ้าตัวนี้ไปออกงานคอมมาร์ตมาก่อนไม่งั้นจะจับมันมา unboxing ให้เราได้ดูกันสักหน่อย
Dell Mini 12 ที่ผมได้มาเป็นสี Piano Black ตามสมัยนิยมที่เน้นความเงาวับ ส่วนตัวผมแล้วก็คิดว่ามันสวยดี แน่นอนว่าความสวยต้องแลกกับรอยนิ้วมือที่เปื้อนง่ายสักหน่อย แต่ผมลองเอาผ้ามาเช็ตๆ แป๊บเดียวก็เงาเหมือนเดิมได้ ถ้าจะไม่ชอบสีแบบนี้คงไม่ชอบที่ต้องเช็ดมันบ่อยๆ ซะมากกว่า
พอร์ตนั้นนับว่าตรงใจผมมาก เพราะมีพอร์ต USB ให้สามพอร์ตไม่ต่างไปจากโน้ตบุ๊กทั่วไปเลย แน่นอนว่าตัวผมเองอยากได้ USB มากกว่านี้ แต่แค่ไม่ลดจำนวนพอร์ตก็ได้ใจผมไปมากแล้วสำหรับเน็ตบุ๊ก
ที่สำคัญอีกประการคือพอร์ต VGA ที่ผมนับเป็นข้อดีอย่างยิ่ง แม้ว่าในยุคหลังๆ นี้พอร์ต HDMI จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เวลาไปนำเสนองานพอร์ต VGA ก็ยังคงเป็นมาตรฐานอยู่ และคงไม่มีใครอยากลืมพกตัวแปลงหัวไปในวันพรีเซนต์แน่ๆ การใส่พอร์ต VGA ในตัวจึงเป็นข้อดีมากๆ
ใต้ท้องเครื่องเรียบมากและไม่มีช่องเปิดเลย เท่าที่ผมมีข้อมูลเน็ตบุ๊กตัวนี้อาจจะพออัพเกรดฮาร์ดดิสก์ได้บ้างถ้าหาฮาร์ดดิสก์แบบ PATA ที่หัวต่อเหมือนกันที่ทางโรงงานประกอบมาให้ได้ (แต่ประกันคงหลุดแน่) แต่สำหรับแรมและซีพียูแล้วก็ต้องบอกว่าหมดสิทธิ์เพราะอัพเกรดไม่ได้ทั้งสองอย่าง
เรื่องหนึ่งที่ผมประหลาดใจมากคือเน็ตบุ๊กตัวนี้ไม่มีพัดลมเลย ข้อดีคือเวลาที่ผมดูหนังบนเตียงนอนนั้นมันเงียบมากอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงฮาร์ดดิสก์กลายเป็นเสียงดังที่ได้ยินชัดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ส่วนข้อเสียนั้นคือบริเวณใต้ท้องเครื่องนั้นร้อนไปสักหน่อยสำหรับการวางบนตักนานๆ
ตัวเครื่องนั้นบางมาก แต่เครื่องที่ทางเดลล์ส่งมาให้ทดสอบนั้นใส่แบตเตอรื่ 6 เซลล์มาให้ทำให้ด้านหลังเครื่องหนาขึ้นมา
เมื่อชารจ์เต็มแล้วตัวเลขบนวินโดวส์ระบุว่าใช้งานได้ 5 ชั่วโมง ผมสดสอบดูหนังต่อเนื่องกันสามชั่วโมงแล้วพบว่ายังทำ
งานได้ต่อสบายๆ อันนี้คงเป็นความดีที่ต้องยกให้ Atom Platform กันสักหน่อย เพราะกินไฟน้อยดีเหลือเกิน โดยเฉพาะ Mini 12 นั้นใช้ชิปในตระกูล Z ที่ประหยัดพลังงานกว่าตระกูล N เช่น N270 ที่บ้านเราเห็นกันเยอะ
สำหรับแบตเตอรี่แบบหกเซลล์ที่ทำให้ข้างหลังนูนๆ ขึ้นมานั้น ผมสอบถามคนช่วยทดสอบสองสามคนพบว่าคนชอบแบตเตอรี่แบบนี้กันมาก เพราะมันหมายถึงเราไม่ต้องพกแท่นรองโน้ตบุ๊กกันแล้ว
ถ้าถามว่าผมไม่ชอบอะไรที่สุดใน Dell Mini 12 ผมคงต้องตอบว่าเป็นอแดปเตอร์ไฟครับ ไม่ใช่เพราะมันใหญ่ แต่เพราะว่าตัวแท่งเหล็กมันอยู่ด้านข้าง และเรียงตัวแปลกๆ ทำให้เวลาใช้ปลั๊กรางแล้วมันจะไปกินที่คนอื่นๆ ประมาณช่องหรือสองช่อง
ตัวปลั๊กหนักประมาณ 2 ขีด ส่วนตัวเครื่องนั้นหนัก 1.4 กิโลกรัม แบกรวมกันได้ 1.6 กิโลกรัม
จุดสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือทัชแพดที่มีขนาดใหญ่มากๆ ความกว้างรวมถึง 8 เซนติเมตร อันนี้ผมคงบอกไม่ได้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสียเพราะทัชแพดใหญ่หมายถึงคุณจะพลาดไปโดนได้ง่ายขึ้น ขณะะเดียวกันก็ช่วยให้ลากเคอร์เซอร์ไปมาได้สะดวกขึ้น
แน่นอนว่าไฮไลต์ที่สุดของเดลล์รุ่นนี้คือคีย์บอร์ดขนาดเกือบๆ เต็ม ถ้าดูในภาพจะพบว่าตัวปุ่มกว้าง 17 มิลลิเมตรโดยประมาณ ที่น่าเสียดายที่สุดคือคนออกแบบคีย์บอร์ดของทางเดลล์บีบปุ่ม "," "." และ "/" ทั้งสามปุ่มนั้นถูกย่อยเหลือเพียงประมาณ 10 มิลลิเมตร เล่นเอาผมพลาดเวลาพิมพ์ URL บ่อยๆ
เทียบกันให้เห็นจะๆ กับคีย์บอร์ดนิรนามไม่ได้บอกผู้ผลิต (คงไม่มีใครรู้ใช่ไหม :P) จะเห็นว่าคีย์บอร์ดเต็มๆ นั้นอยู่ที่ประมาณนี้ แต่ผมลองพิมพ์สัมผัสดูก็พบว่าพอใช้งานได้ครับ จะกดพลาดค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน อันนี้ต้องไปลองพิมพ์กันดูที่ร้านก่อนซื้อคงดีที่สุด
แน่นอนว่าข้อดีของจอใหญ่คือเล่นได้ทุกอย่างที่โน้ตบุ๊กเล่นได้ กรณีนี้จะเห็นว่าการเปิดเว็บนั้นเหลือขอบข้างกันอย่างสบายใจ
สรุปข้อดีข้อเสียกันให้ดูคร่าวๆ ก่อน
ข้อดี
ข้อเสีย