จากก่อนหน้านี้ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่าอาการติดเกมเป็นอาการผิดปกติทางจิตประเภทหนึ่ง (ICD-11) นั้น ศาสตราจารย์ Andrew Przybylski ผู้อำนวยการวิจัยของสถาบันอินเตอร์เน็ตแห่งมหาวิทยาลัย Oxford (Oxford Internet Institute) ผู้ร่วมเขียนงานวิจัย "Investigating the Motivational and Psychosocial Dynamics of Dysregulated Gaming" ได้เก็บข้อมูลกับกลุ่มเด็กและผู้ปกครอง 1,000 คน พบว่าเด็กมักใช้เกมเป็นงานอดิเรกและสิ่งที่ช่วยหลีกหนีจากความจริงมากกว่าจะได้รับผลกระทบด้านลบจากสื่อประเภทนี้ งานวิจัยนี้ได้ออกมาแย้งกับ ICD-11 ที่ทางองค์การอนามัยโลกได้ประกาศไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
ศาสตราจารย์ Andrew กล่าวว่า ICD-11 นั้นไม่ได้ทำบริบทชีวิตของเด็กในการศึกษามาเป็นส่วนประกอบและงานวิจัยของศาสตราจารย์ Andrew ก็ไม่พบหลักฐานว่าเกมมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยทางจิตหรือความบกพร่องทางพฤติกรรมแต่กลับพบว่าพฤติกรรมการเกมนั้นสะท้อนและเติมเต็มความต้องการทางใจของผู้เล่นแทน
ภาพจาก Shutterstock
จากการรายงานของผู้ปกครองเกี่ยวกับพฤติกรรมและการแสดงออกต่อสังคมของเด็กที่ถูกศึกษา นักวิจัยพบหลักฐานเพียงเล็กน้อยเชื่อมโยงระหว่างการเล่นเกมอย่างหนักกับพฤติกรรมที่ไม่ดีของเด็ก ซึ่งศาสตราจารย์ก็เห็นว่าหลักฐานที่ได้จากการศึกษาตอนนี้ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเกมเป็นอาการผิดปกติทางจิตได้
ด้านด็อกเตอร์ Netta Weinstein อาจารย์อาวุโสจาก University of Cardiff School of Psychology ผู้ร่วมเขียนวิจัยนี้ กล่าวว่าเขาอยากให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพใส่ใจปัจจัยเสริมเกี่ยวกับความพอใจทางจิตใจและความยุ่งเหยิงในชีวิตประจำวันมีผลต่อพฤติกรรมของคนส่วนน้อยที่ติดเกมและจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในเกมมาก ๆ อย่างไรบ้าง
การศึกษาพบเด็กส่วนมากเล่นเกมอย่างน้อยหนึ่งเกมทุกวัน แต่มีน้อยกว่าครึ่งในกลุ่มที่เล่นเกมทุกวันนี้มีอาการติดหรือเล่นเกมเกิน 3 ชั่วโมงต่อวัน นอกจากนี้ทีมวิจัยภาคสนามของศาสตราจารย์ Andrew Przybylski ก็เสนอว่าตอนนี้หลักฐานบ่งชี้ทางวิทยาศาสตร์ก็มีน้อยเกินไป และคาดว่าต้องขอความร่วมมือจากบริษัทผู้พัฒนาเกมเพื่อช่วยให้เข้าถึงแก่นของปัญหาเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ด็อกเตอร์ David Zendle จาก York St John University ก็เคยร้องขอต่อสภาอังกฤษให้บริษัทเกมแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งของในเกมเช่น loot box เพื่อช่วยให้การศึกษาเรื่องดังกล่าวชัดเจนยิ่งขึ้นเช่นกัน
ที่มา : GamesIndustry.biz