รีวิว Star Wars Jedi: Fallen Order กับการโผล่พ้นน้ำครั้งแรกของ Star Wars จาก EA

by nismod
18 November 2019 - 07:45

ช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมามีเกมระดับ AAA ออกมาหลัก ๆ 2 เกมไล่ ๆ กันคือ Death Stranding และ Star Wars Jedi: Fallen Order ในส่วนของเกมแรกแม้เสียงรีวิวจะแตกทั้งที่ชอบและไม่ชอบ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกมยังคงมีลายเซ็นของโคจิม่าในแง่ของการใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ อยู่ในนั้น

แต่ส่วนตัวด้วยความเป็นแฟน Star Wars และเห็นความพินาศของ Battlefront ทั้ง 2 ภาคภายใต้มือของ EA ประกอบกับชื่อเสียงความเป็นนายทุนของ EA เลยกลายเป็นว่า Star Wars Jedi: Fallen Order ที่เป็นเนื้อเรื่อง เล่นคนเดียวและไม่มี microtransaction ทำให้ผมแอบเอาใจช่วยให้เกมนี้ออกมาดี ก่อนที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่วางจำหน่ายวันแรก คะแนนรีวิวจะออกมาดีจริง ๆ เลยรีบซื้อ รีบเล่น (ยังไม่จบแต่ก็น่าจะ 60-70% แล้ว) เลยนำมาเขียนถึงสักเล็กน้อยครับ

ดีล 10 ปีระหว่าง EA และ Lucasfilm กับ 2 เกมก่อนหน้าที่ "พัง"

ถ้าพูดถึงเกม Star Wars ที่ขึ้นหิ้ง เชื่อว่าหลายคนน่าจะนึกถึง Star Wars Jedi Knight: Jedi Academy ปี 2003 และ Battlefront II ปี 2005 ไม่รวม Star Wars: Knight of the Old Republic และ Star Wars: The Old Republic ที่ BioWare ได้สิทธิในการทำมาจาก LucasArts ตอนนั้น ก่อนที่ BioWare จะถูกซื้อโดย EA ในปี 2007

อาจกล่าวได้ว่าความสำเร็จของ SWTOR ที่เป็น MMORPG อาจไม่ใช่ความสำเร็จของเกม Star Wars ในมือ EA ได้เต็มปากนัก เพราะ BioWare คว้าสิทธิมาก่อนแล้วและการพัฒนาน่าจะคาบเกี่ยวกับการควบรวมกิจการด้วย EA แค่ใช้สิทธิเจ้าของ BioWare ในการจัดจำหน่ายเท่านั้น

ดังนั้นเกม Star Wars ที่เป็นฝีมือของ EA จริง ๆ จะมีแค่ Star Wars: Battlefront (2015), Star Wars: Battlefront II (2017) และ Star Wars Jedi: Fallen Order ล่าสุด หลัง EA คว้าสิทธิผลิตและจัดจำหน่ายเกม Star Wars แต่เพียงผู้เดียวจาก Lucasfilm (ที่ปิด LucasArts สตูดิโอเกมไปหลังถูกดิสนีย์ซื้อ) ระหว่างปี 2014-2024

เกม Battlefront ทั้ง 2 เกมที่สตูดิโอ DICE พัฒนา แม้ตัวเกมเองจะไม่เข้าขั้นแย่ แต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าสองเกมนี้ประสบความสำเร็จได้เต็มปากนัก เพราะเสียงวิจารณ์ของผู้เล่นก็ค่อนข้างไปในทางลบ โดยเฉพาะแนวทางการหาเงินจาก microtransaction และการเป็นเน้นเล่นแบบออนไลน์มัลติเพลเยอร์

ดังนั้นเลยอาจบอกได้ว่า Star Wars Jedi: Fallen Order ที่เป็นฝีมือของสตูดิโอ Respawn เป็นการแก้ข้อผิดพลาดที่ค่อนข้างดีและฉีกออกจากแนวทางเดิม ๆ ของ EA ก็ว่าได้ เพราะไม่เพียงไม่มี lootbox แต่เป็นเกมเนื้อเรื่องแบบเล่นคนเดียวเกมแรกของ EA ในระยะหลังด้วย (ตอนประกาศคือผู้ชมในห้องถึงกับพร้อมใจกันปรบมือ)

เนื้อเรื่องและเกมเพลย์

อย่างที่ทราบอยู่แล้วว่าเกมนี้ดำเนินเนื้อเรื่องโดย Cal Ketis พาดาวันที่รอดจากเหตุการณ์ Order 66 เนื้อเรื่องจะดำเนินระหว่าง Episode III และ Rogue One เนื้อเรื่องจะเป็นเส้นตรง แต่มีความกึ่ง ๆ โอเพนเวิลด์ในลักษณะของ God of War กล่าวคือถ้าเป็นสถานที่หรือดาวที่ปลดล็อคแล้ว เราสามารถเลือกเดินทางไปที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องทำภารกิจหลักก็ได้ แต่ก็อาจติดข้อจำกัดของทักษะตัวละครที่ หากเรายังไม่ได้เล่นเนื้อเรื่องและปลดล็อกทักษะ ก็อาจไม่สามารถผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ในฉากไปได้

ตัวเนื้อเรื่องของเกม ถ้าหากใครเป็นแฟน Star Wars ชนิดตามเสพเนื้อหานอกจากภาพยนตร์ที่เป็น Canon น่าจะชอบ เพราะทีมงาน Respawn ค่อนข้างเก็บรายละเอียดได้ดี มีอีสเตอร์เอ้กค่อนข้างเยอะ ส่วนการดำเนินเรื่องค่อนข้างมีความมืดหม่น มีหักมุมหรือเซอร์ไพร์สเล็ก ๆ แม้ในภาพใหญ่จะพอเดาได้ว่าไปจบยังไง (น่าจะเพราะมันไปต่อกับภาพยนตร์อีกที)

แมคคานิคของระบบต่อสู้คือส่วนที่ชอบที่สุด เพราะมีความผสมระหว่าง Dark Souls และ Uncharted กล่าวคือมีความยากในแบบของ Dark Souls ที่ผู้เล่นต้องสังเกตจังหวะการโจมตีศัตรูเพื่อ parry, หลบหรือโจมตีกลับ แต่มีความเร็วกว่ามาก

ที่สำคัญคือไม่ใช่ว่าถ้าเราโจมตีไปเรื่อย ๆ โดยหวังให้การ์ดศัตรูแตกจะทำได้ง่าย ๆ เพราะศัตรูสามารถโจมตีสวนกลับมาได้ รวมถึงมีสกิลที่เราไม่สามารถบล็อคได้ด้วย และหากยิ่งเพิ่มระดับความยาก ผมกล้าพูดได้เลยว่าได้อารมณ์เขวี้ยงจอยน้อง ๆ Dark Souls ไม่รวมว่าว่าเวลาตายแล้ว จะย้อนกลับไปเกิดที่จุดเซฟล่าสุด, exp หายและต้องสู้ศัตรูใหม่ทั้งหมด ต้องกลับไปโจมตีศัตรูตัวที่ฆ่าเรา (ดีว่าแค่โจมตีครั้งแรกก็พอ ไม่ต้องเอาตาย) เพื่อเอา exp ที่หายไปคืน (ถ้าตายซ้ำก็คือ exp ชุดแรกจะหายไปเลย) ดังนั้นการเจอจุดเซฟแต่ละครั้ง ไม่ต่างกับการเจอ bonfire ใน Dark Souls เลย

ส่วนความคล้าย Uncharted คือเราต้องสำรวจแผนที่ เก็บลูท เปิดกล่อง ที่สำคัญคือจุดปีนป่ายเพื่อหาไอเท็มลับ หรือเพื่อเดินหน้าต่อเยอะมาก ไม่รวมปริศนา (puzzle) ต่าง ๆ ในด่านที่มีให้เรื่อย ๆ ซึ่งเราจะต้องแก้ให้ได้ เพื่อเดินหน้าต่อ (บางปริศนาคือง่าย ๆ อยู่ตรงหน้า แต่คิดลึกจนมองข้าม) ซึ่งก็ช่วยเพิ่มความสนุก และความปวดหัวในการเล่นได้ไม่น้อย

ข้อด้อยที่เจอคือ fast travel และปัญหากราฟิก

ปัญหาหลักของเกมนี้คือไม่มี fast travel ดังนั้นกรณีที่เราเสร็จภารกิจและต้องกลับยาน จำเป็นต้องวิ่ง ปีนป่ายและสู้ศัตรูอีกครั้ง เพื่อกลับมายังยาน (ที่โคตรไกล) แต่ส่วนตัวด้วยแมคคานิคของระบบต่อสู้ที่ค่อนข้างชอบ รวมถึงหลาย ๆ จุดก็มีทางลัดกลับมาให้ด้วย ไม่ได้ไกลเท่าขาไป เลยรู้สึกว่าส่วนนี้แม้จะดูเป็นข้อเสีย แต่ส่วนตัวแล้วไม่ใช่ปัญหาอะไรมากนัก

อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่เจอคือเรื่องกราฟิก ต้องยอมรับว่างานภาพของตัวละครอาจจะยังไม่ได้ล้ำหรือเหมือนจริงอย่างเกม AAA เกมอื่น ๆ ในตลาดตอนนี้ แต่สิ่งที่รู้สึกรำคาญและเป็นปัญหาจริง ๆ คือการเรนเดอร์ ที่ค่อนข้างช้าในหลาย ๆ จุด ทั้ง foreground และ background (อย่างตอนเปลี่ยนลายไลท์เซเบอร์ ตอนกดเลือกยังต้องรอเรนเดอร์!!) ตัวเกมมีโหลดเปลี่ยนฉากที่นานบ้างเร็วบ้าง (เดาว่าไม่เป็นที่เอนจินของเกม ก็ช้าที่ HDD เพราะผมเล่นบน PS4 ไม่แน่ใจว่าถ้าเป็น SSD บนพีซีจะเหมือนกันหรือไม่) ไม่รวมระบบฟิสิกส์ในหลาย ๆ จุดยังมีความงง ๆ ให้เห็นอยู่ประปราย

สรุป

หลัง EA พา Star Wars ล้มลุกคลุกคลานมาหลายปี และด้วยแนวทางการทำเงินจาก lootbox และ DLC ของบริษัท ส่วนตัวไม่คิดว่าจะได้เล่นเกม Star Wars ดี ๆ แล้วภายใต้ EA แต่ Star Wars Jedi: Fallen Order ได้กลายเป็นเกมซีรีส์ Star Wars ที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ไปแล้วบนคอนโซลยุคใหม่ ทั้งเนื้อเรื่องที่มีความหม่น เกมเพลย์และแมคคานิคต่อสู้ที่สนุกและยาก การแก้ปริศนาต่าง ๆ ในฉาก ขณะเดียวกันก็ยังคงให้ความสำคัญกับเนื้อเรื่องและรายละเอียดของจักรวาล Star Wars ได้เป็นอย่างดี

Blognone Jobs Premium