ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เราอาจเริ่มได้ยินชื่อเกม Disco Elysium บ่อยขึ้นเรื่อยๆ แม้เกมเพิ่งวางขายเมื่อเดือนตุลาคม 2019 บนพีซีแค่แพลตฟอร์มเดียว
Disco Elysium เป็นเกม RPG พัฒนาโดยสตูดิโออิสระ ZA/UM จากประเทศเอสโตเนีย (แถมเป็นผลงานเกมแรกของสตูดิโอด้วย) ที่ได้รับคะแนนรีวิวสูงมาก (ได้ 10 เต็มจากหลายสำนัก คะแนนเฉลี่ย metacritic 91/100) และกวาดรางวัลต่างๆ มากมาย
ตัวอย่างคือ The Game Awards 2019 ที่รางวัลเกมยอดเยี่ยมตกเป็นของ Sekiro แต่ Disco Elysium คว้ารางวัลย่อยไปถึง 4 รางวัล ถือว่าเยอะที่สุดในงานประกาศรางวัลปีนี้ นิตยสาร Time ยังคัดเลือก Disco Elysium ติด 10 เกมยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ 2010s เคียงคู่ไปกับเกมบิ๊กเนมอย่าง GTA V, Minecraft, Pokemon Go, LoL, Zelda: Breath of the Wild, Fortnite
Disco Elysium เป็นเกมแนว RPG สวมบทบาท ที่ได้แรงบันดาลใจจากเกม RPG มุมมอง isometric (มองเฉียงจากด้านบนลงมา) จากยุค 90s โดยเฉพาะเกมสาย Dungeons & Dragons อย่างซีรีส์ Baldur's Gate หรือ Planescape: Torment ทำให้แนวทางกราฟิกคล้ายคลึงกัน (ผู้สร้างเกมนี้บอกว่า Planescape: Torment เป็นเกมที่มีอิทธิพลกับชีวิตเขามาก)
เนื้อเรื่องของ Disco Elysium เกิดขึ้นที่เมือง Revachol ในประเทศที่ระบอบคอมมิวนิสต์ล่มสลาย และกำลังถูกแทนที่ด้วยระบอบทุนนิยม (สะท้อนมุมมองของทีมพัฒนาจากประเทศยุโรปตะวันออก) แต่ก็ยังเกิดสุญญากาศทางอำนาจอยู่มาก ตัวเอกเป็นตำรวจที่ถูกส่งไปสอบสวนคดีฆาตกรรม แต่ตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของตัวเองหายไป
อ่านรูปแบบกราฟิกและเนื้อเรื่องแล้วอาจดูธรรมดา แต่จุดเด่นของ Disco Elysium คือเป็นเกม RPG ที่เน้นเนื้อเรื่องและบทสนทนาอย่างหนักหน่วง (ใช้นักเขียนบททำงานร่วมกันถึง 8 คน! มีบทสนทนายาว 1 ล้านคำ! เล่นเกมนาน 120 ชั่วโมงอาจยังค้นหาความลับไม่ครบทั้งหมด) และเกมเพลย์ที่ถึงแม้ได้แรงบันดาลใจจากเกม RPG แฟนตาซียุค 90s แต่เกมนี้ไม่มีระบบการต่อสู้ใดๆ! แต่ใช้ค่าทักษะด้านต่างๆ ที่มีให้เลือกหลากหลายถึง 24 ประเภท เพื่อเอาชนะกันและผลักดันให้เนื้อเรื่องคืบหน้าไปได้
ระบบทักษะของ Disco Elysium ยังมีความสมดุลแบบต้องเลือก (ได้อย่าง-เสียอย่าง) หากเราเลือกเน้นเพิ่มทักษะบางด้าน ก็ต้องเสียค่าคุณสมบัติบางอย่างไป (เช่น เพิ่มความทนทานต่อสารเคมี แต่ก็อาจทำให้ติดยาได้) เมื่อบวกกับเกมเพลย์ที่เน้นเนื้อเรื่องอย่างมาก ทำให้เกมมีอิสระแบบสุดๆ น่าจะถูกใจผู้เล่นสายอ่านเนื้อเรื่องอย่างแรง
รูปแบบเกมเพลย์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเกมนี้คือ Thought Cabinet ซึ่งเปรียบเสมือนคลังเก็บไอเทม แต่สิ่งที่เก็บคือ "ความคิด" ของตัวเอก ที่ได้จากการพูดคุยกับตัวละครต่างๆ ตลอดทั้งเกม เมื่อสะสมความคิดไปสักระยะก็สามารถตกผลึกออกมาเป็นทักษะที่ติดตัวไปใช้ในเกมได้
นอกจากตัวเกมที่แปลกใหม่และลุ่มลึก ประวัติการสร้างเกมนี้ยังน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะผู้สร้างเกมนี้คือ Robert Kurvitz นักเขียนนิยายชาวเอสโตเนีย ที่เพิ่งเคยสร้างวิดีโอเกมเป็นครั้งแรกด้วย
ปัจจุบัน Robert Kurvitz อายุ 35 ปี เขาเคยประกอบอาชีพเป็นนักดนตรีอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนผันตัวมาเขียนนิยายไซไฟ Sacred and Terrible Air (ตีพิมพ์ปี 2013) ซึ่งจักรวาลจากนิยายเรื่องนี้ก็ถูกนำมาใช้กับเกม Disco Elysium ด้วย
Robert Kurvitz (คนกลางในคลิป)
ตัวของ Kurvitz หลงใหลในเกมกระดานสไตล์ Dungeons & Dragons และเคยออกแบบเกมกระดานมาบ้าง เขาตัดสินใจตั้งสตูดิโอ ZA/UM ของตัวเองในปี 2016 และมีผลงานเกมแรกคือ Disco Elysium ที่ดังเป็นพลุแตกในปี 2019
สตูดิโอ ZA/UM ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากนายทุนชาวเอสโตเนีย และมีทีมงานจากหลายประเทศในยุโรปตะวันออกเข้าร่วมทีม (ปัจจุบันทีมงานประมาณ 20 คน)
สิ่งที่น่าประทับใจของ Disco Elysium คือคะแนนรีวิวจากสำนักต่างๆ ที่ถือว่าสูงมาก เช่น Gamespot ให้คะแนน 10/10 ซึ่งมีเกมไม่เยอะนักที่ได้คะแนนระดับนี้ (เกมสุดท้ายก่อนหน้านี้คือ Super Mario Odyssey ในปี 2017), PC Gamer ให้คะแนน 92/100, IGN ให้ 9.6/10 รวมถึงคว้ารางวัล Game of the Year ประจำปี 2019 จากสื่อบางสำนักด้วย
ถ้าคิดคะแนนรีวิวเฉลี่ยจาก Metacritic อยู่ที่ 91/100 ถือว่าใกล้เคียงกับเกมบิ๊กเนมอย่าง Red Dead Redemption 2 (93/100) และเยอะกว่าเกมอย่าง Death Stranding (82/100), Luigi's Mansion 3 (86/100) ส่วนคะแนนรีวิวใน Steam อยู่ในระดับสูงสุดคือ Overwhelmingly Positive (คะแนนรีวิวเป็นบวกเกิน 95% ของรีวิวทั้งหมด)
Disco Elysium ถือเป็นม้ามืดของงาน The Game Awards 2019 โดยคว้าไปถึง 4 รางวัล ถือเป็นเกมที่ได้รางวัลเยอะที่สุดในงานปีนี้
Disco Elysium อาจไม่ใช่เกมที่เหมาะสำหรับทุกคน และน่าจะเหมาะกับผู้เล่นสไตล์ RPG เน้นเนื้อเรื่อง เน้นอิสระ เน้นพัฒนาการของตัวละครมากกว่า แต่ความสำเร็จของ Disco Elysium ในฐานะเกมอินดี้ที่แทรกตัวเข้ามาในหมู่เกมจากสตูดิโอยักษ์ใหญ่ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของสตูดิโอสายยุโรปตะวันออก นอกเหนือไปจาก Croteam เจ้าของเกม Serious Sam (โครเอเชีย) และ CD Projekt เจ้าของเกม The Witcher (โปแลนด์)
ตอนนี้ Disco Elysium ยังมีให้เล่นบนพีซีแพลตฟอร์มเดียว ราคาขายบน Steam อยู่ที่ 469 บาท (ช่วงนี้ลด 20% เหลือ 375 บาท) ส่วนเวอร์ชัน PS4/Xbox One จะตามมาในปีหน้า 2020
ผู้ที่สนใจอาจดูคลิปเกมเพลย์ 26 นาทีแรกของเกม ก่อนตัดสินใจซื้อ หรืออ่านบทความรีวิว ความล้มเหลว อัตลักษณ์ และทางเลือก กับ Disco Elysium ใน The Matter