รีวิว Galaxy Note 10 Lite ปากกา S Pen ทำได้เหมือนรุ่นใหญ่ ในราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง

by mk
6 February 2020 - 16:07

นับตั้งแต่ Galaxy Note รุ่นแรกเปิดตัวในปี 2011 สมาร์ทโฟนซีรีส์ Note ถือเป็น "เรือธงตัวสูงสุด" ของซัมซุงมาโดยตลอด (แพงกว่าหรืออย่างน้อยก็ราคาเท่ากับซีรีส์ S) โดยซัมซุงใช้วิธียึดโยงปากกา S Pen เข้ากับความสามารถในเชิง productivity ที่เหนือกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ และต้องจ่ายแพงเท่านั้นถึงจะมีสิทธิใช้งาน

ซัมซุงเคยออก Note รุ่นถูกมาแล้วหนึ่งครั้งตอน Note 3 Neo ในปี 2014 แต่ก็ไม่ได้ทำอีกเลย เราอาจนับ Galaxy Note FE แต่จริงๆ แล้วมันก็คือการนำ Note 7 ที่ตกรุ่นไปแล้วมาวางขายเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น

แต่การเปิดตัว Note 10 Lite รอบนี้แตกต่างไปจากเดิม เพราะซัมซุงแสดงตัวชัดเจนว่าต้องการออก "มือถือมีปากกาที่ราคาถูกลงมา" ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของยุทธศาสตร์ Note ที่ใช้มาตลอด

นิยามที่หนึ่ง: Note 10+ ในราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง

ซัมซุงเปิดตัว Note 10 Lite หลัง Note 10 ประมาณ 4 เดือน (สิงหาคม 2019 และมกราคม 2020) โดยจุดต่างสำคัญคือ "ราคา" ที่ต่างกันมากพอสมควร (อ้างอิงจากหน้าเว็บซัมซุงประเทศไทย)

  • Galaxy Note 10 รุ่นปกติจอ 6.3" ความจุ 256GB ราคาเปิดตัว 32,900 บาท ปัจจุบันขายอยู่ 28,900 บาท
  • Galaxy Note 10+ รุ่นจอใหญ่ 6.8" ความจุ 256GB ราคาเปิดตัว 37,900 บาท ปัจจุบันขายอยู่ 32,900 บาท
  • Galaxy Note 10 Lite จอใหญ่ 6.7" ใกล้เคียง Note 10+ ความจุ 128GB ราคาเปิดตัว 17,900 บาท

หากเทียบราคาของ Note 10 Lite กับ Note 10+ ที่มีขนาดเครื่องใกล้เคียงกัน จะเห็นว่าราคาเปิดตัวต่างกันถึง 20,000 บาท หรือถ้าเอาราคาในปัจจุบันมาเทียบกันก็คือต่างกัน 15,000 บาท คิดเป็น 83% หรือเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว

สิ่งที่ทุกคนอยากรู้ก่อนซื้อคงเป็นว่า ราคาต่างกันเกือบเท่าตัว แล้วมันต่างกันอย่างไรบ้าง

นิยามที่สอง: Galaxy A71 มีปากกา

ผมพยายามหานิยามของ Galaxy Note 10 Lite ว่ามันคืออะไรกันแน่ จึงลองนำสเปกของมือถือซัมซุงรุ่นที่ใกล้เคียงมากางเทียบกันแบบละเอียดๆ และได้คำตอบว่า Note 10 Lite คือการนำโครงของ Galaxy A71 ที่เปิดตัวไล่เลี่ยกัน (ธันวาคม 2019) มาอัพเกรดเป็นหน่วยประมวลผลตัวเดียวกับ Galaxy Note 9, ได้ปากกาตัวเดียวกับ Note 9 และได้ฟีเจอร์ฝั่งซอฟต์แวร์เกือบเท่ากับ Note 10+

อ่านแล้วอาจดูซับซ้อน ลองดูตารางเปรียบเทียบอาจเข้าใจง่ายกว่าครับ

จากตารางจะเห็นว่า สเปกของ Note 10 Lite และ Galaxy A71 ใกล้เคียงกันมาก ต่างกันที่หน่วยประมวลผลและกล้องหลังเท่านั้น

ส่วนของหน้าตาก็เรียกได้ว่าเหมือนกันแทบ 100% เนื่องจากผมไม่มีเครื่อง Galaxy A71 มาด้วย เลยขอใช้ภาพเรนเดอร์จากเว็บไซต์ซัมซุงมาเทียบกันให้ดู

หากดูขนาดเครื่องตามสเปก มือถือทั้งสองรุ่นมีความยาว x ความกว้างเท่ากันคือ 163.6 x 76.0 มิลลิเมตร โดยที่ A71 บางกว่า (7.7 มิลลิเมตร vs 8.7 มิลลิเมตร) และเบากว่า (179 vs 199 กรัม) ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องปากกา S Pen ที่เพิ่มเข้ามา

อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Note 10 Lite มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรด้วย (เหมือนกับ A71 แต่ Note 10 ไม่มี) แถมเป็นจอแบนขอบไม่โค้งซะด้วย (จริงๆ มีโค้ง แต่นิดเดียว นิดมากๆ ตรงขอบกระจก) หลายคนอาจมองว่าสองปัจจัยนี้เป็นจุดเด่นเหนือรุ่นพี่อย่าง Note 10/10+ ด้วยซ้ำ

จุดที่ Note 10 Lite เหนือกว่า A71 ชัดเจนคือหน่วยประมวลผล ที่ Note 10 Lite ใช้ Exynos 9810 ตัวเดียวกับ Note 9 แม้จะตกรุ่นไปแล้วปีกว่า (Note 9 ออกปี 2018) แต่ก็ยังถือเป็นอดีตเรือธง ในขณะที่ A71 ใช้ Snapdragon 730 ที่ใหม่กว่า (ออกช่วงต้นปี 2019) แต่เป็นซีรีส์รองเรือธง

หากดูที่ราคาเทียบกับสเปกเพียงอย่างเดียว จะเห็นว่าส่วนต่างของ Note 10 Lite กับ A71 ต่างกันอยู่ 4,000 บาทถ้วน ตรงนี้เราจะได้หน่วยประมวลผลที่อัพเกรดขึ้น และปากกา S Pen ที่เพิ่มเข้ามา คนที่อยากได้ปากกามาวาดรูปหรือจดบันทึกข้อความต่างๆ คงต้องพิจารณากันว่า จ่ายเพิ่มอีก 4,000 บาทแล้วคุ้มหรือไม่

นิยามที่สาม: Galaxy Note 9.5 ปากกาทำได้ทุกอย่างเท่า Galaxy Note 9

เมื่อทราบตำแหน่งแห่งที่ (product positioning) ของ Note 10 Lite ในบรรดากองทัพมือถือของซัมซุงด้วยกันเองแล้ว เรามาเจาะกันที่ฟีเจอร์ชูโรงคือปากกา S Pen ของ Note 10 Lite ว่าเหมือน-ต่างจากรุ่นพี่อย่างไรบ้าง

ส่วนตัวแล้วผมใช้สมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note มาตลอด (นับตั้งแต่ Note 3 และข้ามรุ่น อัพเกรดทุก 2 ปีคือ Note 5, Note 8, Note 10+) จึงคุ้นเคยกับรอมซัมซุง และฟีเจอร์ปากกา S Pen เป็นอย่างดี

คนที่ติดตามซีรีส์ Galaxy Note มาคงทราบว่าซัมซุงดันปากกา S Pen มาจนสุดทางแล้ว ในแง่ความละเอียดของแรงกด การสัมผัส มาถึงจุดสูงสุดตอน Note 8 ทำให้ซัมซุงต้องหนีไปพัฒนาแง่ฟีเจอร์อื่นของปากกาแทน

Note 9 เปลี่ยนปากกาให้เป็น Bluetooth ชาร์จได้ในตัว ทำให้เราสามารถใช้ปากกา S Pen เป็นรีโมทควบคุมสมาร์ทโฟนได้จากการกดปุ่มบนตัวปากกา (เช่น คลิกเพื่อถ่ายรูป) พอมาถึงยุคของ Note 10 เพิ่มไจโรสโคปเข้ามา ให้ดักการเคลื่อนไหวของปากกาได้ เกิดเป็นท่าโบกปากกาไปซ้าย ขวา หรือวนเป็นวงแบบไม้กายสิทธิ์ เพื่อสั่งงานแอพต่างๆ

สำหรับปากกาของ Note 10 Lite ถือว่าค่อนข้างเซอร์ไพร์สผมทีเดียว เพราะมันทำได้ทุกอย่างเท่ากับปากกา Note 9 นั่นคือมี Bluetooth ใช้เป็นรีโมทคลิกได้ ชาร์จได้ในตัว สิ่งที่หายไปมีแค่ท่าโบกปากกาแบบ Note 10 เท่านั้น (ซึ่งจากการใช้ Note 10 มาหลายเดือนก็คือไม่ได้ใช้เลยสักนิด! ไม่เป็นปัญหาใดๆ)

ปากกาของ Note 10 Lite (ซ้าย) และ Note 10+ (ขวา)

หน้าจอตั้งค่า S Pen เป็นรีโมท และ Air actions เวลาดึงปากกาออกมาจากเครื่อง

ฟีเจอร์ Air actions ของ Note 10 Lite ทำได้แค่กดปุ่มเท่านั้น_

เทียบกับ Air actions ของ Note 10+ ที่มีฟีเจอร์เยอะกว่ากันมาก

แต่นอกจากเรื่อง Air actions กวาดท่า gesture แล้ว ต้องบอกว่าซัมซุงไม่กั๊กฟีเจอร์ปากกาของ Note 10 Lite เลย เพราะได้ฟีเจอร์ด้านซอฟต์แวร์เทียบเท่ากับ Note 10 รุ่นปกติ เช่น การแปลงลายมือเป็นข้อความ (ใช้กับภาษาไทยได้) หรือการเอาปากกาชี้คำศัพท์เพื่อแปลภาษาอัตโนมัติ

ภาพรวมของการใช้ปากกาบน Note 10 Lite จึงน่าประทับใจ เพราะทำได้ทุกอย่างเหมือนมือถือราคาสามหมื่นกว่าบาท เว้นแต่ฟีเจอร์ Air actions ที่ในชีวิตจริงก็แทบไม่ได้ใช้สักเท่าไร

Note 10+ (ซ้าย) และ Note 10 Lite (ขวา)

กล้องหลัง 3 ตัว ดีกว่าที่คิดแต่ยังเป็นรอง Note 10+

กล้องหลังของ Note 10 Lite มีทั้งหมด 3 ตัว ทุกตัวมีความละเอียด 12MP เท่ากันคือ

  • เลนส์หลัก 12MP f/1.7, Dual Pixel ช่วยเรื่องออโต้โฟกัส, OIS กันสั่น
  • เลนส์เทเล 12MP f/2.4, OIS, 2x optical zoom
  • เลนส์มุมกว้าง 12MP f/2.2

ตรงนี้ถือเป็นจุดแตกต่างกับกล้องหลังของทั้ง Note 10+ (กล้องหลัง 4 ตัว เพิ่ม TOF หรือเซ็นเซอร์วัดระยะลึก) และ Galaxy A71 (กล้องหลัง 4 ตัวแต่เป็นคนละชุดกัน มีเลนส์มาโครมาแทนเทเล)

ถ้าให้เทียบกันแล้ว สมาร์ทโฟนรุ่นที่กล้องหลังคล้าย Note 10 Lite ที่สุดคือ Note 10 ตัวธรรมดา (กล้องหลัง 3 ตัวไม่มี TOF, เป็นกล้องหลัก เทเล มุมกว้าง เหมือนกัน) แต่ในรายละเอียดก็มีความแตกต่างกันอยู่ดังนี้ (ข้างล่างคือสเปกของ Note 10/10+ ที่ไม่รวม TOF)

  • เลนส์หลัก 12MP เท่ากัน เซ็นเซอร์ขนาด 1.4µm เหมือนกัน แต่เป็น Dual Aperture f/1.5-2.4
  • เลนส์เทเล เหมือนกับเกือบทุกอย่าง ยกเว้นค่า f-stop คือ f/2.4 (Note 10 Lite) และ f/2.1 (Note 10)
  • เลนส์มุมกว้าง ของ Note 10 มีความละเอียดมากกว่าคือ 16MP, ค่า f/2.2 เท่ากัน, ของ Note 10 มีฟีเจอร์ Super Steady video

ส่วนกล้องหน้าของ Note 10 Lite เป็นตัวเดียวกับ A71 คือ 32MP f/2.2 ในขณะที่ Note 10/10+ เป็น 10MP f/2.2 ขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่กว่าและมี Dual Pixel

ดูจากสเปกบนกระดาษก็พอสรุปได้ว่ากล้องของ Note 10 Lite เป็นรอง Note 10/10+ อยู่บ้าง (ก็ตามราคานะครับ) ไปดูภาพถ่ายของจริงดีกว่า (ภาพทั้งหมดถ่ายด้วยโหมด Auto และไม่ปรับแต่งใดๆ ยกเว้นย่อขนาดไฟล์ให้เหมาะกับแสดงผลบนหน้าเว็บ)

ภาพถ่ายกลางวัน ในร่ม

Note 10 Lite ทำผลงานได้น่าประทับใจดี เก็บรายละเอียดของผิวส้มได้ครบ

ภาพถ่ายกลางวัน กลางแจ้ง

Note 10 Lite ให้ภาพสีสดกว่า คอนทราสต์จัดกว่า ซึ่งดูเกินจริงกว่าที่สายตาเห็นไปพอสมควร ตรงนี้ Note 10+ เก็บภาพได้เป็นธรรมชาติมากกว่า แต่ข้อเสียคือสีจะออกติดเหลืองมากกว่า

ภาพถ่ายกลางคืน พอมีแสงไฟ

ทดสอบการถ่ายภาพกลางคืน ในซอยที่มีไฟถนนส่องถึงใบกล้วย รายละเอียดของใบกล้วยที่โดนแสงไฟเก็บได้พอๆ กัน (Note 10+ จะติดเหลืองเหมือนเดิม) แต่ Note 10+ จะเก็บรายละเอียดของใบไม้มืดๆ ที่อยู่ด้านหลังได้ดีกว่า

ภาพถ่ายกลางคืน มีแสงไฟน้อย

ทดสอบในซีนที่ยากขึ้นไปอีก คือในซอยจุดที่แสงไฟส่องไม่ค่อยถึง ซึ่งภาพออกมาไม่ดีนักทั้งคู่ในโหมด Auto แต่ Note 10+ เก็บรายละเอียดในจุดที่มืดได้ดีกว่า (สังเกตกระถางต้นไม้อันกลาง)

ภาพถ่ายกลางคืน มีแสงไฟน้อย ใช้ Night Mode

ลองถ่ายซีนเดิมที่สภาพแสงน้อย แล้วใช้ Night Mode ช่วย ตรงนี้เห็นความแตกต่างของ Note 10+ กับ Note 10 Lite ชัดเจนว่าภาพของ Note 10+ ดีกว่ามาก เห็นรายละเอียดของภาพเกือบหมด (สังเกตกระถาง) ส่วน Note 10 Lite นอกจากเก็บรายละเอียดได้ไม่ดีเท่า ยังเร่งคอนทราสต์จนสีเพี้ยนไปอีก

ภาพรวมของกล้อง Note 10 Lite ถ้าเทียบกับ Note 10+ ก็ต้องสรุปว่า "ตามราคา" เพราะไม่อย่างนั้นตอบไม่ได้ว่าทำไมราคาต่างกันถึง 15,000 บาท แต่ถ้าวัดเฉพาะกล้องของ Note 10 Lite แล้วถือว่าน่าพอใจทีเดียว สำหรับกล้องในราคาระดับนี้

ซอฟต์แวร์: Android 10 แต่ไม่มี Samsung Pay และ DeX

ระบบปฏิบัติการของ Note 10 Lite เป็นรอม One UI 2.0 / Android 10 มาตั้งแต่โรงงานเลย (เปิดเครื่องมาจะได้อัพเดตเป็นแพตช์รอบเดือน 1 มกราคม 2020 ทันที)

ซอฟต์แวร์ที่มากับเครื่องก็ตามมาตรฐานรอมซัมซุง ไม่มีอะไรพิสดาร ที่มากับเครื่องมี Bixby, Galaxy Store, Samsung Pass และ Samsung Notes ติดมาให้สำหรับจดโน้ต (แต่ไม่มี Samsung Pay และ DeX นะครับ เก็บไว้เป็นจุดขายให้ตัวแพง)

ส่วนซอฟต์แวร์อื่นอย่าง Samsung Internet, Galaxy Gift, Samsung Health สามารถดาวน์โหลดได้เองในภายหลัง

ประเด็นอื่นๆ จากการลองใช้งาน

จากการลองใช้งาน Note 10 Lite เทียบกับ Note 10+ พบว่าความรู้สึกในแง่ขนาดแทบไม่ต่างกัน เพราะเป็นมือถือจอใหญ่ระดับใกล้เคียงกัน แต่ Note 10 Lite มีความโค้งมนมากกว่า (ในแง่การใช้งานก็ไม่รู้สึกอะไร) และวัสดุมัน ลื่นมือมากกว่า ทำตกได้ง่ายหากไม่ใส่เคสที่พื้นผิวขรุขระสักหน่อย

การมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ย่อมทำให้มีตัวเลือกเรื่องหูฟังมากขึ้น แต่ถ้าใครย้ายมาสู่หูฟัง USB-C หรือหูฟังไร้สาย true wireless แล้วก็ไม่มีปัญหา รองรับทุกอย่าง

จุดที่น่าสนใจแบบแปลกๆ คือซัมซุงย้ายปุ่มปรับระดับเสียงและปิดหน้าจอของ Note 10 Lite กลับมาไว้ทางขวาเหมือนเดิม ซึ่งต่างจาก Note 10/10+ ที่ย้ายมาไว้ทางซ้ายแบบงงๆ ชีวิต (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าย้ายไปทำไม แล้วย้ายกลับ) โดยปุ่ม power สามารถตั้งค่าได้เช่นกันว่าจะเป็นปิดหน้าจอ หรือเรียก Bixby

ถาดใส่ซิมของ Note 10 Lite ย้ายจากขอบบนของเครื่อง (ที่ซัมซุงใช้มาตลอดในมือถือเกือบทุกรุ่น) มาอยู่ที่ขอบด้านซ้ายบนแทน ซึ่งในการใช้งานก็ไม่มีผลอะไรเช่นกัน

บทสรุป: Note 10 Lite การปลดล็อคปากกาสู่มหาชน

ในฐานะแฟนซีรีส์ Note ยอมรับเลยครับว่า Note 10 Lite ทำออกมาได้ดีกว่าที่คิดมากๆ เพราะในราคาที่ถูกกว่า Note 10/10+ เป็นหลักหมื่น เราได้

  • ปากกา S Pen ที่เป็นจุดขายหลักของ Note โดยฟีเจอร์เท่ากันเกือบหมด ยกเว้นท่าสะบัดปากกา Air command ที่ไม่ค่อยได้ใช้หรอกในชีวิตจริง
  • หน้าจอใหญ่เท่ากัน ความละเอียดอาจด้อยกว่า แต่ในชีวิตจริง ใช้ความละเอียด FHD+ ก็เหลือเฟือแล้ว ใช้ WQHD+ เปลืองแบตเตอรี่เปล่าๆ
  • สเปกที่ด้อยกว่าเรือธงนิดหน่อย ซึ่งไม่มีผลมากถ้าไม่ได้เล่นเกมอะไรเวอร์วัง
  • กล้องที่ด้อยกว่าเรือธงนิดหน่อย แต่ถือว่าค่อนข้างโอเคแล้วสำหรับยุคสมัยนี้

แถมบางอย่างอาจดูเหนือกว่าด้วยซ้ำ

  • แบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่านิดหน่อย (4500 mAh vs 4300 mAh)
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรที่เรือธงไม่มี
  • จอไม่โค้ง หลายคนน่าจะพึงพอใจ

สิ่งที่อาจต้องจับตาดูคงเป็นเรื่องการอัพเดตซอฟต์แวร์ (ที่ซัมซุงทำได้ดีขึ้นมากๆ ในรอบปีที่ผ่านมานี้) ว่า Note 10 Lite จะได้อัพเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหญ่ต่อไปแค่ไหน เมื่อเทียบกับเรือธง Note 10/10+ ที่ย่อมได้ความสำคัญมากกว่า แต่จากประวัติเก่าของซัมซุงตอน Note FE ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร (Nougat > Oreo > Pie ได้อัพเดต 2 รอบใหญ่)

ถ้าไม่ติดใช้ฟีเจอร์บางตัวใน Note รุ่นใหญ่ (เช่น สะบัดปากกา, DeX หรือ Samsung Pay) ผมคิดว่า Note 10 Lite เป็นมือถือที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนที่อยากได้ปากกา S Pen มาจดงาน แต่ติดขัดที่เรื่องราคาของ Note แพงเกินไป

การที่ซัมซุงยอมปล่อยปากกา S Pen ออกมาสู่มือถือราคาระดับกลางๆ (ต่ำสองหมื่นเล็กน้อย) ถือเป็นการเปลี่ยนยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญของซีรีส์ Note เลยทีเดียว เพราะ Note 10 Lite ถือว่าเหลือเฟือแล้วสำหรับคนทั่วๆ ไป และจะกลายเป็นว่ามันไปตัดยอดขายของ Note รุ่นเรือธงด้วยซ้ำ (ตรงนี้ซัมซุงคงคิดมาดีแล้วว่ายอมให้ตัดยอดขายระหว่างรุ่นกันเอง น่าจะดีกว่าปล่อยให้คู่แข่งมาแย่งตลาดไป)

มือถือที่จะหวาดกลัว Note 10 Lite มากที่สุดคงหนีไม่พ้น Galaxy Note เรือธงรุ่นถัดไป (Galaxy Note 20?) หากไม่สามารถสร้างนวัตกรรมที่เหนือชั้นกว่ามากๆ ได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องจ่ายแพงกว่าเป็นหมื่นอีกแล้ว

Blognone Jobs Premium