Tim Sweeney ซีอีโอของ Epic Games ขึ้นกล่าวในงานเกม DICE Summit ในนครลาสเวกัส โดยพูดถึงวิสัยทัศน์ของอุตสาหกรรมเกมในเชิงวิจารณ์ว่า ควรเปิดกว้างมากกว่านี้ เพราะการเล่นเกมส่วนใหญ่จะถูกปิดกั้นหรือผูกติดอยู่กับแค่ผู้ให้บริการบางรายเท่านั้น
แอนดรอยด์ของ Google เป็นหนึ่งในชื่อที่ถูก Sweeney ยกมาวิจารณ์อย่างรุนแรงว่าเป็น "ระบบเปิดจอมปลอม" (fake open platform) จากการพยายามขึ้นหน้าจอเตือนหรือปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้งานติดตั้งหรือไซด์โหลด Fortnite เอง ด้วยการยกเรื่องความปลอดภัยอย่างไวรัสหรือมัลแวร์มาทำให้คนใช้งานกลัว หลัง Epic ตัดสินสินไม่ให้โหลดผ่าน Google Play จนทำให้ผู้ที่อยากเล่นจะต้องติดตั้งไฟล์ apk กันเอง
เหตุผลที่ Epic เลือกจะไม่ให้ติดตั้งผ่าน Google Play Store ก็เพราะไม่ต้องการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ 30% ให้กูเกิล แน่นอนว่า Sweeney พูดถึงประเด็นนี้ว่านักพัฒนาเกมและเกมเมอร์ไม่ควรถูกล็อกดาวน์จากสโตร์อย่าง Steam, Apple และ Google ที่หักส่วนแบ่งรายได้ไปถึง 30%
Sweeney บอกว่าการหักส่วนแบ่งดังกล่าว เป็นการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ของหนึ่งในผู้เล่นในห่วงโซ่อุปทานที่ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญ (core) ของอุตสาหกรรมเกมด้วยซ้ำไป พร้อมยกตัวอย่างกรณี Mastercard และ Visa ที่หักค่าธรรมเนียมจากร้านค้าไปแค่ 2.5% - 3.5% เท่านั้น ก็สามารถทำกำไรได้แล้ว (Epic Store หักส่วนแบ่ง 12% )
เรื่องความเปิดกว้าง ไม่ใช่แค่สโตร์เท่านั้น แต่ซีอีโอ Epic Games ยังมองถึงแพลตฟอร์มการเล่นด้วยว่า ผู้เล่นควรได้เล่นเกมจากแพลตฟอร์มไหนก็ได้และสามารถข้ามไปเจอเพื่อนที่เล่นผ่านแพลตฟอร์มอื่นได้ด้วย (cross-play) และรูปแบบการให้บริการในอุตสาหกรรมเกมทุกวันนี้มันผิด (ที่ผู้ให้บริการแต่ละรายเปิดให้เชื่อมต่อกันได้เฉพาะบนแพลตฟอร์มตัวเอง) เขาบอกว่าด้วยการเจรจาให้ Fortnite สามารถ cross-play ได้ทั้งบน PlayStation, Xbox และ Nintendo นั้น เป็นกระบวนการเจรจาที่ค่อนข้างหิน (tough discussions)
สุดท้ายเขาพูดถึงโมเดลการทำเงินของผู้ให้บริการเกมจากการเปิด lootbox แบบ pay-to-win ว่าเป็นโมเดลที่เป็นปรปักษ์กับผู้เล่น
ที่มา - Venturebeat