สรุปรีวิว Google Pixel Buds 2 ปรับปรุงดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังดีไม่สุด

by nismod
28 April 2020 - 06:48

แทบลืมไปเลยว่าเคยเปิดตัวกับ Google Pixel Buds (2020) ที่ล่าสุดผ่านมาครึ่งปีหลังเปิดตัว สื่อต่างประเทศเพิ่งเริ่มได้ทดลองใช้และปล่อยรีวิวกันออกมาแล้ว (ขอเรียกสั้น ๆ ว่า Pixel Buds 2)

ในภาพรวม Pixel Buds 2 พอจะเทียบชั้นได้กับ AirPods (ที่ไม่โปร) และที่ราคาตัวค่า 179 เหรียญ (AirPods 159 เหรียญ) คุณภาพถือว่าดีและรับได้ในเรตราคานี้ แต่ด้วยความที่ตลาดหูฟังไร้สายมีรุ่นที่เหนือกว่าและแพงกว่า โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพเสียงและฟีเจอร์ Noise Cancelling ก็หนีไม่พ้นที่ Pixel Buds 2 จะถูกนำไปเปรียบเทียบด้วย

จุดเด่นอย่างแรกที่ทุกสื่อชมเหมือนกันหมดคือ Fast Pair กับ Pixel และมือถือแอนดรอยด์ 6.0 ขึ้นไปที่ขึ้นไปเทียบชั้นกับการเชื่อมต่อ AirPods กับ iPhone (และยังไม่มีเจ้าไหนทำได้เหมือน) กล่าวคือแค่เปิดฝา ตัวสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ก็จะเด้งโนติขึ้นมาว่าเชื่อมต่อกับหูฟังแล้ว หรือแจ้งให้เชื่อมต่อและสอนวิธีใช้งานเมื่อเชื่อมครั้งแรก โดยถ้าเป็นแอนดรอยด์ยี่ห้ออื่นจะมีแอป Pixel Buds มาให้ ส่วน Pixel ตัวแอปมาฝังมาในระบบ system ส่วน iOS ไม่ต้องสืบว่าไม่มีแอป (หรืออาจต้องรอไปก่อน)

ฟีเจอร์รวม ๆ ที่ทำงานร่วมกับตัวแอปคือบอกแบตเตอรี่แยก สั่ง Google Assistant ด้วย Hey, Google เปิดปิด Adaptive Sound ตรวจจับการใส่หูฟัง (ถ้าถอดเพลงหยุด) และระบบติดตามหูฟัง (Find Device) ที่หูฟังจะส่งเสียงออกมาเมื่อเรากดค้นหา พร้อมแสดงผลผ่านแผนที่ให้ด้วยว่าอยู่ที่ไหน

ที่ได้รับคำชมอย่างถ้วนหน้าอีกอย่างคือประสิทธิภาพของไมโครโฟนที่ Google บอกว่ามี 2 ตัวคอยจับเสียงพูดโดยเฉพาะพร้อมด้วยตัดเสียงภายนอกไปในตัว โดยมี accelerometer คอยช่วยจับการสั่นสะเทือนของขากรรไกรด้วย เมื่อใช้งานจริงปรากฎว่าเสียงคม ชัดอีกฝั่งก็ได้ยิดเสียงผู้ใช้งาน Pixel Buds 2 ชัดเจน ไม่ว่าจะโทรศัพท์หรือวิดีโอคอล รวมถึงแม้จะออกไปใช้งานข้างนอกที่มีเสียงดังรอบตัว ก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนผู้พูดเท่าไหร่นัก ขณะที่ผู้ใช้ได้ยินเสียงอีกฝั่งชัดเจนเช่นกัน

ส่วนคุณภาพเสียง จุดที่ด้อยของ Pixel Buds 2 คือย่านเสียงต่ำ (เสียงเบส) ที่ไม่ค่อยชัดและไม่เต็มหูเท่าไหร่ ส่วนย่านเสียงอื่นๆ หรือคุณภาพเสียงโดยรวมถือว่าค่อนข้างดี นอกจากเรื่องเสียงเบส สิ่งที่ถูกติเหมือนกันหมดคือตัวแอป Pixel Buds 2 ไม่มี equalizer มาให้ ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถปรับโทนเสียงได้เอง ส่วนในแง่ความดัง Laptop Mag รู้สึกว่าเบากว่าหูฟังยี่ห้ออื่นในระดับความดังเดียวกัน

เรื่องความสะดวกสบายในการใช้งานหรือสวมใส่ค่อนข้างจะแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคน บางคนก็บอกใส่นานๆ แล้วเจ็บ บางคนบอกใส่แล้วรู้สึกสบายมาก บางคนบอกรุ่นแรกสบายหูกว่า แต่ที่แน่ ๆ คือ Pixel Buds ค่อนข้างเบา ใส่แล้วติดแน่นกับหู ใส่ออกกำลังกายได้ ไม่หลุด

อีกหนึ่งจุดเด่นคือการเรียกใช้งาน Google Assistant แบบ hands-free ที่แค่เรียกด้วย Hey, Google เหมือน Google Home หรือสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ (ถ้าเปิด) ซึ่งประสบการณ์ใช้งาน Google Assistant บนหูฟังดีกว่ารุ่นแรกมาก ๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นที่ตัว Google Assistant เองด้วยที่พัฒนาขึ้นมามากแล้ว

ข้อด้อยชัด ๆ อย่างแรกคือการขาด Active Noise Cancelling แม้ Google จะออกแบบหูฟังให้เป็นแบบ in-ear พร้อมจุกยางมาแทน แต่ก็ช่วยได้แค่ระดับหนึ่ง ช่องลม (spatial vent ที่ช่วยให้อากาศไหลเข้าออกหูได้ตามปกติ หูไม่อื้อ) กลายเป็นจุดที่ทำให้เสียงรบกวนภายนอกเข้ามาในหูฟัง

ขณะที่ฟีเจอร์ Adaptive Sound ที่จะปรับเพิ่มลดเสียงให้ตามสภาพแวดล้อม (ถ้ารอบตัวเสียงดัง จะปรับเพลงดังขึ้นตาม) เป็นฟีเจอร์ที่ Engadget วิจารณ์ว่าเหมือนทำไม่เสร็จ การเพิ่มหรือลดเสียงแทบจะไม่รู้สึกเลย (subtle) ประมาณว่าระดับเสียงจาก 60 ไป 62 เท่านั้น ขณะที่การตรวจจับเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมก็ไม่ได้ตรวจจับได้ทุกสถานการณ์ เช่น เสียงเครื่องซักผ้าหรือเปิดน้ำล้างจาน (เป็นเคสที่ Google ยกมาเองด้วย) ก็ไม่ได้ทำให้หูฟังปรับเพิ่มเสียงให้เอง

สุดท้ายเรื่องแบตเตอรี่ แม้จะสามารถใช้งานได้ตามที่ Google เคลมคือ ฟังเพลงต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง (พอ ๆ กับ AirPods) แต่หลาย ๆ เจ้าบอกว่าค่อนข้างน้อย โดยมีตัวเปรียบเทียบเป็นรุ่นที่แพงกว่าแต่แบตอึดกว่า ขณะที่การเคสสามารถชาร์จเพิ่มให้ได้อีกราว 3-4 ครั้ง ในภาพรวมคือเพียงพอต่อการใช้งานทั้งวัน

สรุป

Pixel Buds 2 ถือเป็นการปรับปรุงจากรุ่นแรกค่อนข้างมาก เป็นหูฟังไร้สายแอนดรอยด์ที่ดีและเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ในเรตราคาค่าตัวขนาดนี้ (ถ้าถูกลงมาเท่า AirPods จะดีกว่านี้) ทั้งในแง่คุณภาพเสียงและคุณภาพไมค์ แต่ถ้าหากมองภาพรวมในตลาดโดยไม่เกี่ยงเรตราคา ก็ยังถือว่าตามหลังคู่แข่งอยู่ค่อนข้างเยอะ

คะแนนที่สื่อต่าง ๆ ให้

Blognone Jobs Premium