The Guardian รายงานเมื่อ 4 พ.ค. 63 ว่า ศูนย์การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติของสหราชอาณาจักร (National Cyber Security Agency : NCSC) ประกาศเตือนมหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัยในสหราชอาณาจักร ท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ว่าแฮกเกอร์ที่อาจได้รับการสนับสนุนโดยรัฐ (state-sponsored) จากรัสเซีย อิหร่าน และจีน อาจพยายามขโมยข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับ COVID-19 จากสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะงานวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนต้าน COVID-19 ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศกำลังเร่งการวิจัยวัคซีนต้าน COVID-19 และหากประเทศใดสามารถคิดค้นวัคซีนได้สำเร็จ จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตตามความต้องการวัคซีนโลก งานวิจัยด้าน COVID-19 จึงไม่เป็นเพียงงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่มีมูลค่าต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วย
ก่อนหน้านี้ เมื่อห้วงกลางเดือนเมษายน 2563 เลขาธิการกระทรวงสาธารณสุขและประกันสังคม (Department of Health and Social Care) ของสหราชอาณาจักร ได้กล่าวกับสื่อมวลชนโดยระบุว่า รัฐบาลได้ทุ่มทรัพยากรเพื่อการพัฒนาวัคซีนต้าน COVID-19 เป็นเงินกว่า 40 ล้านปอนด์ให้แก่มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร อาทิ มหาวิทยาลัยออกฟอร์ด มหาวิทยาลัยอิมพีเรียล และมหาวิทยาลัยบริสโทล ซึ่งมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดได้เริ่มการทดลองวัคซีนในมนุษย์ไปแล้ว ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยออกฟอร์ดได้ร่วมกับบริษัทผู้ผลิตยาชีวเภสัชภัณฑ์ AstraZeneca ในการผลิตและกระจายวัคซีนจำนวนมากหากการค้นคว้าวิจัยวัคซีนต้าน COVID-19 สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยออกฟอร์ดได้ตระหนักถึงความพยายามในการขโมยข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับ COVID-19 มหาวิทยาลัยจึงได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับศูนย์การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ เพื่อที่จะปกป้องรักษางานวิจัยดังกล่าวจากเหล่าแฮกเกอร์และบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง
ที่มา : The Guardian