หลัง OnePlus Nord เปิดราคาอย่างเป็นทางการในไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานและได้ลองจับเครื่องจริงทั้งสองสี คือ Blue Marble และ Gray Onyx มาด้วย จึงลองมาเล่าเป็นพรีวิวภาพรวมของเครื่องคร่าวๆ ให้ผู้ที่สนใจซื้อได้เห็นภาพเครื่องจริงมากขึ้น
พระเอกของงานในครั้งนี้ น่าจะเป็นรุ่นสี Blue Marble ที่อยู่บนรูปโปรโมตส่วนใหญ่ และเป็นสีตีมของงานเปิดตัว แต่ก็ยังมีรุ่นสี Gray Onyx อีกรุ่น ที่เป็นโทนสีดำเทาเมทัลลิก สำหรับคนที่อยากได้รุ่นที่เคร่งขรึม เหมาะสำหรับการทำงาน รุ่นสี Blue Marble ถ้ามองด้วยตาเปล่าจะสีเข้มกว่าในรูปเล็กน้อย เนื่องจากไฟสีขาวที่ค่อนข้างสว่างในโซนทดลองเครื่อง อาจทำให้สีในรูปดูอ่อนลง
OnePlus Nord มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 ใต้กระจก Gorilla Glass 5 สีสด รองรับ HDR10+ การสไลด์ไปมาทำได้ลื่นไหลสบายตา เพราะเป็นจอ 90Hz มีสแกนรอยนิ้วมือใต้หน้าจอแบบออพติคัล มีข้อดีอีกข้อคือขอบหน้าจอไม่โค้งมากนัก จับถนัดมือได้โดยไม่ต้องกลัวสัมผัสโดนด้านข้าง และน่าจะติดฟิล์มบนจอได้ง่ายขึ้น
บอดี้ด้านหลังเป็นพลาสติก ความมันวาวทำให้ดึงดูดรอยนิ้วมือพอสมควร ยังเช็ดออกได้ง่าย แต่ก็ต้องระวังรอยขีดข่วนเช่นเดียวกับมือถือฝาหลังพลาสติกอื่นๆ สี Blue Marble จะเห็นรอยนิ้วมือได้ชัดกว่าสี Gray Onyx
ตัวเครื่องค่อนข้างบาง และน้ำหนักเบา น่าจะเพราะวัสดุด้านหลังที่เป็นพลาสติก ด้านขวาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง ด้านซ้ายมี Alert Slider ปรับเสียงเป็นโหมดสั่นหรือปิดเสียงได้โดยไม่ต้องเปิดเมนูลงมา คู่กับปุ่มพาวเวอร์
ด้านล่างเป็นลำโพงเดี่ยว พร้อมช่องชาร์จด้วย USB Type-C มาพร้อมที่ชาร์จ Warp Charge 30W และไม่มีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร รวมทั้งไม่รองรับ microSD
กล้องหลัง 4 กล้อง กล้องหลัก 48MP เซ็นเซอร์ Sony IMX586 กล้องอัลตร้าไวด์ 119 องศา ความละเอียด 8MP มี depth sensor สำหรับถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ 5MP และกล้องไมโครที่โฟกัสใกล้วัตถุได้ถึง 4 เซ็นติเมตร ความละเอียด 2MP กล้องหน้าคู่ เป็นกล้องธรรมดา 32MP และมีกล้องอัลตร้าไวด์ 8MP มาให้ด้วย
สรุป ดีไซน์สวย ฟีเจอร์ครบครัน พร้อมรองรับ 5G แม้ต้องตัดบางอย่างไปบ้าง
OnePlus Nord เป็นมือถือราคาไม่เกินสองหมื่นอีกรุ่นที่ได้ฟีเจอร์ใช้งานครบครัน ชิป Snapdragon 765G และรองรับ 5G ทำให้น่าจะเป็นมือถือที่ใช้งานได้ยาวๆ ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับแอนดรอยด์ 10 ครอบทับด้วย Oxygen OS โดยในงาน OnePlus ระบุว่าการันตีอัพเดตเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ 2 ปี และแพทช์ความปลอดภัย 3 ปี
แม้จะมีองค์ประกอบภายในที่ถูกตัดไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานระยะยาวได้บ้าง เช่น หน่วยความจำภายในที่เป็น UFS 2.1 และไม่สามารถใส่ microSD card เพิ่มได้ ทำให้ถ้าเป็นคนชอบถ่ายรูป ควรเลือกรุ่นความจุ 256GB ดีกว่า กับส่วนฝาหลังพลาสติก ที่อาจมีรอยขีดข่วนมากกว่าแบบกระจกเมื่อใช้ไปนานๆ แต่ในระดับราคานี้ (รุ่นแรม 8GB + หน่วยความจำ 128GB ราคา 14,990 บาท, แรม 12GB + หน่วยความจำ 256GB ราคา 17,990 บาท) ก็ดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ข้อมูลเพิ่มเติม: OnePlus Nord รองรับคลื่น 5G ช่วงคลื่น n1, n3, n7, n28, n78 ส่วนคลื่น 5G ในไทย จะมีช่วงคลื่น n28 (700 MHz) , n41 (2600 MHz) และ n258 (26 GHz) ซึ่ง OnePlus Nord จะรองรับแค่ n28 หรือ 700 MHz เท่านั้น อาจเสียเปรียบรุ่นอื่นบ้างในอนาคต เมื่อ 5G ใช้งานได้ครบทุกช่วงคลื่น