เมื่อวานซัมซุงประเทศไทยเปิดราคาของ Galaxy Z Fold2 ในไทยที่ 69,990 ราคาเท่ากับรุ่นแรกที่มีข่าวปัญหามากมายโดยเฉพาะเรื่องหน้าจอ แต่ถึงกระนั้นยอดขายของ Galaxy Fold ก็ดูจะเป็นบวก
ขณะที่ Galaxy Z Fold2 ที่ผมได้ลองเล่นช่วงสั้น ๆ เมื่อวาน มันยิ่งตอกย้ำที่คนแซวกันว่า Galaxy Fold รุ่นแรกยังเป็นฮาร์ดแวร์เวอร์ชันเบต้า เพราะ Fold2 มันเหมือนสมาร์ทโฟนจอพับที่สมบูรณ์พร้อมแล้วจริง ๆ ทั้งในแง่งานประกอบที่ดูดี พรีเมียม (งานประกอบแบบเดียวกับ Note 20 Ultra) และหน้าจอด้านในที่ปรับปรุงให้ดีมากขึ้นและดูเป็นจอพับที่ใช้งานได้จริงเหมือน Galaxy Z Flip จากที่ Fold รุ่นแรกหน้าจอด้านในเหมือนถูกครอบไว้ด้วยแผ่นพลาสติกบาง ๆ
ในแง่ดีไซน์รวม ๆ ไม่แตกต่างจากเดิม เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็ยังคงเป็นที่ปุ่มล็อกหน้าจอด้านขวาตัวเครื่อง ยังไม่ได้ฝังมาไว้ใต้จอ แต่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดคือหน้าจอด้านนอกที่ขยายขึ้นมาเต็มพื้นที่ตัวเครื่องที่ 6.2 นิ้วจาก 4.6 นิ้ว รวมถึงหน้าจอด้านในที่ขยายขึ้นมาเป็น 7.6 นิ้วจาก 7.3 นิ้วในรุ่นก่อนหน้า และไม่มีแถบกล้องดำ ๆ บริเวณขวาบนมากวนใจแล้ว แต่กลายเป็นกล้อง punch hole เล็ก ๆ แทน
นอกจากนี้บานพับจอก็รู้สึกได้ว่าแข็งแรงมากขึ้นด้วย (แหงล่ะ) รู้สึกว่ากล้าจะเปิดปิดได้มากกว่ารุ่นแรก รวมถึงฟีเจอร์ด้าน productivity เวลาใช้งานหลายหน้าจอก็ถูกปรัปบรุงด้วย เช่น รองรับการเปิดแอปพร้อมกัน 3 แอป, การเปิด 2 แอปรองรับการแสดงผลในแนวนอน (horizontal) แล้วจากเดิมที่ล็อกเอาไว้แค่แนวตั้ง (vertical) รวมถึงสามารถเปิดแอปเดียวกันพร้อมกันได้ 2 หน้าจอ แต่เบื้องต้นรองรับเฉพาะแอปของซัมซุงก่อนเท่านั้น
สรุปคือ Fold2 ที่เปิดมาราคาเท่าเดิม แต่การปรับปรุงที่ทำให้มันเป็นสมาร์ทโฟนจอพับที่สมบูรณ์ขึ้น น่าใช้มากขึ้น และก็น่าจะทำให้ยอดขายของซัมซุงเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอย่างมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่รู้สึกว่าสมาร์ทโฟนตระกูล Fold จะสมบูรณ์กว่านี้ โดยเฉพาะจากการที่ซัมซุงพยายามขายว่ามันเป็นให้ได้ทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต คือการเพิ่ม S Pen เข้ามาให้ด้วย เพราะขนาดเวลากางจอออกมา ส่วนตัวคิดว่าเป็นขนาดที่กำลังดีสำหรับการอ่านเขียน เพราะใหญ่กว่า Galaxy Note แต่ก็เล็กกว่าแท็บเล็ตตระกูล Tab S ที่ดูเหมาะกับการใช้เป็นกึ่ง ๆ แล็บท็อปมากกว่า