หลัง Surface Duo มือถือแอนดรอยด์แบบพับได้เครื่องแรกของ Microsoft ที่มาในรูปแบบบานพับและสองหน้าจอที่แยกกันอย่างชัดเจนแทน ไม่ได้พยายามทำหน้าจอ OLED แบบงอได้เช่นค่ายอื่น เริ่มมีรีวิวจากสื่อต่างๆ ออกมาแล้ว โดยภาพรวม เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับการใช้งานหลายแอปพร้อมกัน แต่เหมือนยังเป็นอุปกรณ์ในขั้นทดลอง อาจเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ก่อนใคร แต่ยังไม่เหมาะกับคนทั่วไปนัก คงต้องรอรุ่นถัดไปที่ปรับปรุงและแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ได้หมดแล้ว
ทุกเจ้าเอ่ยชมเหมือนกันในด้านคุณภาพวัสดุและการประกอบ รวมไปถึงข้อต่อที่ทนทาน พับได้ลื่นไหล แต่ก็แน่นหนาพอที่จะสามารถรักษาองศาการกาง หรือหุบเครื่องให้อยู่กับที่ได้ แต่ The Verge ก็พบว่าข้อต่อสองฝั่ง มีความไม่สมมาตรอยู่เล็กน้อย
สื่อหลายเจ้าชื่นชม Microsoft ที่สามารถทำตัวเครื่องได้บางกว่ามือถือพับได้รุ่นอื่นๆ แต่ก็ค้นพบว่าต้องแลกมาด้วยคุณภาพหลายๆ อย่างที่ถูกตัดไป เช่นกล้องที่ให้มาแค่ตัวเดียว และมีความละเอียดแค่ 11MP ซึ่งซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพของ Microsoft ก็ยังไม่ดีพอ และตำแหน่งกล้องที่อยู่เหนือหน้าจอ ทำให้ต้องพับกลับไปอีกด้านหากต้องการถ่ายรูปคนอื่น ส่วนลำโพงที่ให้มาแค่ตัวเดียว ก็คุณภาพค่อนข้างแย่ และเสียงเบากว่ามือถือทั่วไป รวมทั้งไม่มีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ซึ่งน่าจะมาจากข้อจำกัดด้านความบางเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ จอ OLED ขนาด 5.6 นิ้ว แม้คุณภาพสีจะค่อนข้างดี แต่ก็ยังเป็นจอ 60Hz ซึ่งในมือถือราคา 1,399 เหรียญ (ราว 43,800 บาท) ในปี 2020 อาจจะดูไม่ค่อยคุ้มนัก และผู้ที่ใช้มือถือ 90hz และ 120Hz ที่เปิดตัวออกมามากมายตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อมาใช้มือถือหน้าจอ 60Hz ก็อาจรู้สึกได้ถึงความหน่วง แถมขอบจอก็ยังใหญ่เทอะทะ มีพื้นที่ไม่ได้ใช้งานเยอะพอสมควร และ The Verge ยังพบการแสดงผลสีขาวระหว่างจอซ้ายกับขวา ต่างกันเล็กน้อยอีกด้วย
ในด้านสเปกภายในและประสิทธิภาพ Surface Duo มาพร้อม Snapdragon 855 ที่ตกรุ่นไปแล้ว กับแรม 6GB ซึ่งคงไม่มีปัญหานักหากเป็นฮาร์ดแวร์ปกติทั่วไป แต่เมื่อเป็นฮาร์ดแวร์รูปแบบใหม่ การปรับปรุงซอฟต์แวร์เพื่อให้เข้ากับการใช้งานสองหน้าจอจึงสำคัญ
ปัจจัยสำคัญน่าจะอยู่ที่ความร่วมมือระหว่าง Microsoft, Google และผู้พัฒนาแอป ซึ่งยังเป็นสิ่งที่ Surface Duo ยังไม่พร้อมนัก และสื่อทุกเจ้าก็เขียนระบุข้อเสียว่าซอฟต์แวร์ยังมีปัญหา บั๊กเยอะ และมีอาการกระตุก ค้าง เป็นระยะๆ โดยรีวิวของ Wired ถึงกับอุทานในฝั่งข้อเสีย ว่า “Holybugs Batman!” (ให้ตายเถอะแบทแมน บั๊กมันเยอะจริงๆ)
สรุปแล้ว แม้จะเป็นมือถือจอคู่ที่คุณภาพวัสดุและการประกอบอยู่ในเกณฑ์ดี และน่าจะเหมาะกับการใช้งานแบบมัลติแทสก์ เปิดสองแอปพร้อมกัน แต่กลับถูกจำกัดด้วยสเปกที่ล้าหลัง ไม่รองรับ 5G หน้าจอรีเฟรชเรตแค่ 60Hz และความบางของตัวเครื่องที่ทำให้ต้องลดคุณภาพของกล้อง ลำโพง และด้านอื่นๆ ลงไป แถมราคา 1,399 เหรียญ ยังทำให้ผู้บริโภค น่าจะทำใจซื้อได้ยาก นอกเสียจากว่าคุณจะเป็นแฟน Microsoft ที่ชื่นชอบการใช้งานสองหน้าจอแบบจริงจัง และมีเงินเหลือใช้พอสมควร
คะแนนจากสื่อเจ้าต่างๆ