EA ประกาศวันวางขายเกม Medal of Honor: Above and Beyond ซึ่งเป็นเกม VR จากสตูดิโอ Respawn Entertainment ในวันที่ 11 ธันวาคม 2020
Above and Beyond ถือเป็นภาคที่ 15 ของเกมทหารซีรีส์ Medal of Honor และเป็นการกลับมาอีกครั้งในรอบ 8 ปีหลัง (เกมภาค 14 คือ Medal of Honor: Warfighter ออกปี 2012)
นอกจากประเด็นเรื่องการเป็นเกม VR แล้ว เกมภาค Above and Beyond ยังถือเป็นการ "กลับบ้าน" ของทีมพัฒนาเดิมที่เคยปั้นเกมภาค 3 (Allied Assault) ให้โด่งดังอีกด้วย
เกมซีรีส์ Medal of Honor เกิดจากไอเดียของผู้กำกับ Steven Spielberg หลังทำภาพยนตร์ Saving Private Ryan ที่อยากทำเกมเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองบ้าง เขาจึงตั้งสตูดิโอ DreamWorks Interactive ขึ้นมา (ร่วมทุนกับไมโครซอฟท์) พัฒนาเกม Medal of Honor สองภาคแรกในปี 1999 และ 2000 ให้กับเครื่อง PS1 โดยมี EA เป็นผู้จัดจำหน่าย
เกมภาคสามคือ Allied Assault ถูกโยกมาให้สตูดิโออิสระ 2015 Games รับผิดชอบการพัฒนาแทน เกมประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่พนักงานจำนวนหนึ่งของ 2015 Games ก็ลาออกไปตั้งสตูดิโอใหม่ชื่อ Infinity Ward ใต้สังกัด Activision ในปี 2002 (และกลายเป็นจุดกำเนิดของ Call of Duty ที่ใช้ไอเดียแบบเดียวกับ Medal of Honor)
อย่างไรก็ตาม ทีมบริหารของ Infinity Ward ก็มีความขัดแย้งกับ Activision ในปี 2010 จึงลาออกมาตั้งบริษัท Respawn Entertainment ทำเกมซีรีส์ใหม่ Tittanfall โดยมี EA เป็นผู้จัดจำหน่าย และ EA ก็ซื้อกิจการ Respawn ทั้งหมดในปี 2017 หลังจากนั้นเราจึงเห็น Respawn ทำเกมในซีรีส์อื่นๆ อย่าง Apex Legends หรือ Star Wars Jedi Fallen Order เพิ่มเติม
เมื่อสิทธิของ Medal of Honor ยังเป็นของ EA และทีมงาน Respawn ก็สร้างตัวขึ้นมาจากเกมนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ Respawn จะกลับมาทำเกม Medal of Honor อีกครั้ง (ผู้กำกับเกมภาคนี้คือ Peter Hirschmann เป็นโปรดิวเซอร์และผู้เขียนบทของ Medal of Honor ภาคแรกด้วย) เกมเปิดตัวครั้งในงาน Oculus Connect ปี 2019
ตอนแรก Medal of Honor: Above and Beyond ไม่ได้จะเป็นเกม VR แต่ภายหลังก็ได้รับคำชักชวนจาก Facebook ให้ทำเป็นเกม VR เต็มรูปแบบแทน อย่างไรก็ตาม Above and Beyond ออกทั้งบนแพลตฟอร์ม Oculus Rift และ Steam VR โดยไม่ได้เป็นเอ็กซ์คลูซีฟของ Oculus แต่อย่างใด แถมยังรองรับการ cross-play ระหว่างทั้งสองแพลตฟอร์มอีกต่างหาก
ที่มา - Oculus