สรุปรีวิว Crysis Remastered กราฟิกดีขึ้น แต่เอนจินล้าสมัย ดึงพลังฮาร์ดแวร์ยุคใหม่ไม่ได้

by mk
28 September 2020 - 01:39

เกมเด่นอีกเกมที่น่าจับตาช่วงนี้คือ Crysis Remastered ที่ออกขายในจังหวะที่ตลาดจีพียูกลับมาร้อนแรงอีกครั้งพอดี แถมมีโหมด Can It Run Crysis ที่สร้างกระแสท้าทายประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ด้วย

ตอนนี้เริ่มมีรีวิวออกมาจากสื่อหลายสำนัก ที่น่าสนใจคือ Digital Foundry เจ้าพ่อแห่งการรีวิวกราฟิกเชิงลึก ที่ออกรีวิวด้านเทคนิคของ Crysis Remastered เวอร์ชันพีซีมาโดยเฉพาะ (เกมมีเวอร์ชัน Switch, Xbox One, PS4 ด้วย)

Digital Foundry ชมฟีเจอร์ sparse voxel octree global illumination (SVOGI) ของ CryEngine ที่จำลองการฟุ้งกระจายและการสะท้อนของลำแสงด้วยซอฟต์แวร์ ทำให้คุณภาพของภาพในเกมดีขึ้นมาก และเป็นสิ่งที่เกมพัฒนาขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับเกมต้นฉบับ

Crysis Remastered ยังรองรับ ray tracing ทั้งระดับซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ และก้าวหน้าถึงขั้นรองรับ ray tracing ด้วยฮาร์ดแวร์บน DirectX 11 ซึ่งไม่เคยมีเกมไหนทำได้มาก่อน (วิธีการคือรองรับบน Vulkan API อีกทีหนึ่ง)

เกมยังเพิ่มคุณภาพของเท็กซ์เจอร์ระดับ 8K ในบางจุด โดยเฉพาะชุดสูท Nanosuit ที่ตัวเอกในเกมสวมใส่ ทำให้เห็นรายละเอียดของชุดได้อย่างชัดเจนมาก เอนจินเกมยังปรับปรุงเรื่องระยะลึกของภาพ (depth of field) จากเดิมใช้อัลกอริทึมแบบ guassian มาเป็นแบบ bokeh ทำให้ภาพสมจริงยิ่งขึ้น

ส่วนโหมด Can it Run Crysis Mode เป็นการแสดงผลวัตถุทุกอย่างในเกมแบบเต็มความละเอียด โดยไม่สนใจระยะความใกล้ไกลของซีนภาพในตอนนั้น ซึ่ง Digital Foundry มองว่าเกินความจำเป็นในการใช้งานจริงๆ ไปมาก (to a point of excess) และเน้นใช้ทดสอบ มากกว่าใช้เล่นเกมจริงๆ

ในฝั่งของข้อด้อย เกมเวอร์ชัน Remastered พัฒนาจากเวอร์ชันที่พอร์ตไปลง PS3/Xbox 360 ไม่ใช่เวอร์ชันพีซีต้นฉบับจริงๆ ทำให้สูญเสียฟีเจอร์หรือเนื้อหาบางส่วน (เช่น ฉาก Ascension ที่โดนตัดไป) ที่หายไปตั้งแต่การพอร์ตครั้งแรก ซึ่งน่าเสียดายเพราะ Crysis สร้างชื่อมาจากการเป็นเกมพีซี นอกจากนี้ Digital Foundry ยังวิจารณ์งานออกแบบในเกมว่าไม่สวยเท่าไรนัก และบางครั้งภาพจากเกมต้นฉบับสวยกว่าด้วยซ้ำ

แต่สิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆ ของ Crysis Remastered คือ เอนจินของเกมที่เริ่มล้าสมัยแล้ว และอิงกับพลังของการประมวลผลแบบคอร์เดียวเป็นหลัก ทำให้แม้แต่ซีพียูเกมมิ่งที่แรงที่สุดในปัจจุบันอย่าง Core i9 10900K ยังไม่สามารถรันได้เต็มประสิทธิภาพ แถมยิ่งเวอร์ชัน Remastered ยกระดับกราฟิกให้ละเอียดขึ้นกว่าเดิม ปัญหาคอขวดที่ซีพียูยิ่งเห็นได้ชัดเจนขึ้นกว่าเวอร์ชันต้นฉบับ ตรงนี้ถือเป็นข้อจำกัดของตัวเกมเองแล้ว ไม่ใช่ข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ยุคปัจจุบัน

เว็บไซต์ Techradar ให้คะแนนรีวิว 3/5 โดยชี้ประเด็นคล้ายๆ กันว่าภาครีมาสเตอร์เป็นการยกระดับกราฟิกขึ้นจากเดิม ปรับคุณภาพด้านแสงในเกมเป็นหลัก แต่มีปัญหาเรื่องฉาก Ascension หายไป, เกมไม่มีโหมดมัลติเพลเยอร์หรือเนื้อหาจากภาคเสริม (Wars/Warhead) รวมมาด้วย และเกมปรับแต่งมาไม่ดีพอสำหรับฮาร์ดแวร์ยุคปัจจุบัน

คะแนนรีวิวเฉลี่ยของเวอร์ชันพีซี อยู่ที่ 72/100 - Metacritic ส่วนเวอร์ชันอื่นๆ ได้แก่ PS4 (59), Xbox One (62), Switch (66)

ที่มา - Eurogamer, Techradar

Blognone Jobs Premium