เปิดตัว Huawei Mate 40 ซีพียู Kirin 9000 5nm, กล้อง 5+2 ตัว ชนะ DXOMARK ทั้งกล้องหน้า-หลัง

by mk
23 October 2020 - 03:13

Huawei เปิดตัวเรือธงครึ่งหลังของปี Mate 40 Series โดยมีทั้งหมด 4 รุ่นย่อยคือ Mate 40, Mate 40 Pro, Mate 40 Pro+ และ Mate 40 RS (Porsche Design)

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือดีไซน์กล้องหลัง เปลี่ยนมาใช้รูปวงแหวนที่เรียกว่า Space Ring Design (รุ่นก่อน Mate 30 เป็นกล้องอยู่ในวงกลมตรงกลาง แต่พอเป็น Mate 40 กล้องย้ายไปอยู่วงแหวนรอบๆ แทน)

จุดเด่นของ Mate 40 Series คือหน่วยประมวลผล Kirin 9000 ตัวใหม่ 5nm และระบบกล้องที่ปรับปรุงเพิ่มเติม มีจำนวนกล้องสูงสุด 5+2 ตัว และได้คะแนนรีวิว DXOMARK เป็นอันดับหนึ่งทั้งหมวดกล้องหน้าและกล้องหลัง

สเปก

Mate 40 Pro, Pro+, RS สเปกเหมือนกันเกือบหมด ยกเว้นกล้องกับแรม

  • หน่วยประมวลผล SoC ตัวใหม่ล่าสุด Kirin 9000 ผลิตที่ระดับ 5 นาโนเมตร ซีพียูแบบ 8 คอร์ (แบ่งเป็น A77@3.13GHz x1 + A77@2.54GHz x3 + A55@2.05GHz x4), จีพียูเป็น Mali-G78 รุ่นใหม่ล่าสุดของ Arm แบบ 24 คอร์
  • หน้าจอขนาด 6.76" 90Hz ความละเอียด FHD+ 2772x1344
  • แบตเตอรี่ 4400 mAh ชาร์จเร็ว 66W, ชาร์จเร็วไร้สาย 50W
  • แรม/สตอเรจ
    • Mate 40 Pro ให้แรม 8GB สตอเรจสูงสุด 256GB
    • Mate 40 Pro+ และ RS ให้แรม 12GB สตอเรจสูงสุด 512GB
  • ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm

หมายเหตุ: รุ่น RS Porche Design สเปกเหมือนรุ่น Pro+ ทุกอย่างยกเว้นดีไซน์

Mate 40 รุ่นปกติ สเปกลดหลั่นลงมาจากรุ่นท็อป

  • หน่วยประมวลผล Kirin 9000E ที่ลดจำนวนจีพียูลงเหลือ 22 คอร์ (ซีพียูเหมือนกัน) และลดสเปกของ NPU ลงเล็กน้อย
  • หน้าจอขนาดเล็กลงเป็น 6.5" แต่ก็ยังเป็นจอ 90Hz
  • แบตเตอรี่ขนาด 4200 mAh, ชาร์จเร็ว 40 วัตต์ ไม่มีชาร์จไร้สาย
  • แรม 8GB และสตอเรจสูงสุด 256GB
  • มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm

มือถือทั้ง 4 รุ่นย่อยรองรับ 2 ซิม (5G ซิมเดียว อีกซิมเป็น 4G), กันน้ำ IP68, ใช้ EMUI 11.0 (Android 10) ไม่มี GMS

กล้อง

กล้องของ Mate 40 Series ยังเป็น co-engineered with Leica เช่นเดิม จุดเด่นของกล้องในซีรีส์นี้คือทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเป็นกล้องแบบ Ultra-Wide (ชื่อทางการค้าเรียกว่า Ultra Vision Camera) มุมมองกว้าง 100 องศา สามารถถ่ายภาพรอบตัวได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเครื่อง

Mate 40 Pro ยังเพิ่มกล้องซูม Periscope ที่รองรับไฮบริดซูม 10x และในรุ่น Pro+ มีกล้องซูมตัวที่สอง ทำให้สามารถซูมได้รวม 20x แบบไฮบริดซูม (100x แบบดิจิทัลซูม)

สำหรับกล้องหน้าของรุ่น Pro และ Pro+ มีกล้องหน้าตัวที่สองเป็น 3D Depth Sensor ทำให้มีฟีเจอร์ 3D Face Unlock ปลดล็อคด้วยใบหน้าแบบสามมิติด้วย

Mate 40 กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหน้า 1 ตัว

กล้องหลัง

  • 50MP Ultra Vision Camera (Wide, f/1.9)
  • 20MP Cinema Camera (Ultra-Wide, f/2.2)
  • 8MP Telephoto OIS (f/2.4)

กล้องหน้า

  • 13MP Ultra Vision Camera (Wide, f/2.4)

Mate 40 Pro กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหน้า 2 ตัว

  • 50MP Ultra Vision Camera (Wide f/1.9)
  • 20MP Cinema Camera (Ultra-Wide f/1.8)
  • 12MP Telephoto OIS (f/3.4)

กล้องหน้า

  • 13MP Ultra Vision Camera (Wide, f/2.4)
  • 3D Depth Sensing

Mate 40 Pro+ และ Mate 40 RS กล้องหลัง 5 ตัว กล้องหน้า 2 ตัว

  • 50MP Ultra Vision Camera (Wide f/1.9)
  • 20MP Cinema Camera (Ultra-Wide f/1.8)
  • 12MP Telephoto OIS (f/3.4)
  • 8MP SuperZoom Camera (10x Optical, f/4.4)
  • 3D Depth Sensing

กล้องหน้า

  • 13MP Ultra Vision Camera (Wide, f/2.4)
  • 3D Depth Sensing

แชมป์ DXOMARK ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง

เมื่อพูดถึงกล้องของมือถือเรือธง Huawei ย่อมต้องมีคะแนน DXOMARK มาประกอบ ซึ่ง Huawei ก็ส่งมือถือรุ่น Mate 40 Pro (ยังไม่ใช่รุ่น Pro+ ที่เป็นตัวท็อปสุด) ไปทดสอบ ได้คะแนนกล้องหลัง 136 คะแนน เอาชนะ Xiaomi Mi 10 Ultra แชมป์ปัจจุบันที่ได้ 133 คะแนน - รีวิวบน DXOMARK

ส่วนกล้องหน้า Mate 40 Pro ก็คว้าแชมป์เช่นกัน โดยได้คะแนนทดสอบ DXOMARK ที่ 104 คะแนน เฉือนชนะรุ่นพี่ P40 Pro ที่ทำไว้ 103 คะแนน - รีวิวบน DXOMARK

ราคา

ตอนนี้ยังมีเฉพาะราคาเป็นยูโร แยกดังนี้

  • Huawei Mate 40 (8GB+128GB) ราคา 899 ยูโร (ประมาณ 34,000 บาท)
  • Huawei Mate 40 Pro (8GB+256GB) ราคา 1,199 ยูโร (ประมาณ 45,000 บาท)
  • Huawei Mate 40 Pro+ (12GB+256GB) ราคา 1,399 ยูโร (ประมาณ 52,000 บาท)

ที่มา - Huawei

Blognone Jobs Premium