คณะกรรมาธิการยุโรปออกกฎใหม่ Digital Markets Act และ Digital Services Act เพื่อกำกับดูแลบริษัท tech เน้นเรื่องการใช้ข้อมูล, การผูกขาดกีดกันการค้า, การสร้างสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัยและไม่กดทับการแสดงออก มีผลต่อบริษัทเช่น Facebook, Google, Amazon, Apple ทางสหภาพยุโรประบุว่าถ้าไม่ปฏิบัติตามกฎจะโดนโทษปรับสูง 10% ของรายได้ทั่วโลก
Digital Markets Act
Digital Markets Act มีการวางกรอบสิ่งที่บริษัทควรทำและไม่ควรทำกว้างๆ และหากบริษัทไม่ทำตามจะมีโทษปรับสูง 10% ของมูลค่าการซื้อขายทั่วโลก โดยคณะกรรมาธิการยุโรปมองบริษัท tech เป็นผู้รักษาประตู (gatekeeper) ในตลาดดิจิทัล จึงต้องมีการออกกฎให้แน่ใจว่า ผู้รักษาประตูทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรมกับทุกคน
ภายใต้กฎใหม่มีตัวอย่างสิ่งที่บริษัท tech ต้องทำคือ ให้บุคคลภายนอกเข้าไปดำเนินการภายในบริษัทในบางสถานการณ์ได้, อนุญาตให้ผู้ใช้งานทางธุรกิจเข้าถึงข้อมูลที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มของบริษัท, ผู้ลงโฆษณาต้องมีเครื่องมือตรวจสอบและควบคุมโฆษณาของตัวเอง, อนุญาตให้ผู้ใช้ทางธุรกิจโปรโมตข้อเสนอและทำสัญญากับลูกค้านอกแพลตฟอร์ม
ด้านสิ่งที่บริษัทห้ามทำคือ ปฏิบัติต่อผลิตภัณฑ์ของแพลตฟอร์มตัวเองดีกว่าผลิตภัณฑ์ของผู้ค้าภายนอก, กีดกันผู้บริโภคไม่ให้เข้าถึงธุรกิจนอกแพลตฟอร์มของตนเอง, ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ยกเลิกการติดตั้งซอฟต์แวร์หรือแอปที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า
Digital Services Act
เน้นการสร้างอีโคซิสเต็มบนอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยกับผู้ใช้ และไม่กดทับการแสดงออก รวมถึงการจัดการเนื้อหาผิดกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น แอปโซเชียลมีเดียและแอปแชร์วิดีโอทุกขนาดจะต้องจัดลำดับความสำคัญของข้อร้องเรียนที่มาจากคนที่เชื่อถือได้ หรือ trusted flaggers
ร้านค้าออนไลน์ทั้งหมดต้องสามารถติดตามผู้ค้าที่ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของตนได้ ในกรณีที่มีค้าปลอมหรือสินค้าผิดกฎหมายอื่นๆ, ตรวจสอบตัวตนของผู้ขายก่อนที่จะได้รับอนุญาตบนแพลตฟอร์ม
แพลตฟอร์มรายใหญ่ต้องมีบุคคลภายนอกเข้ามาตรวจสอบว่าได้ทำตามกฎหรือไม่, ต้องเผยแพร่รายงานการจัดการความเสี่ยงรวมถึงการโพสต์เนื้อหาที่ผิดกฎหมายการบิดเบือนข้อมูลที่อาจส่งผลต่อการเลือกตั้ง และการกำหนดเป้าหมายที่ไม่ชอบธรรมแก่ชนกลุ่มน้อย เป็นต้น
โฆษก Facebook พูดถึงกฎหมายใหม่นี้ว่า มาถูกทางแล้วเพื่อช่วยรักษาสิ่งที่ดีเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต และหวังว่าตัว Digital Markets Act จะกำหนดขอบเขตสำหรับ Apple ด้วย เพราะ Apple ควบคุมระบบนิเวศน์ทั้งหมดตั้งแต่อุปกรณ์ไปจนถึงตลาดค้าแอปพลิเคชั่น และใช้พลังนี้ในการทำร้ายนักพัฒนาและผู้บริโภค ไม่เว้นแม้แต่แพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Facebook
ด้าน Google แสดงความกังวล ว่ากฎหมายใหม่ดูเหมือนจะกำหนดเป้าหมายเฉพาะบริษัทเพียงไม่กี่แห่งและทำให้ยากต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อรองรับธุรกิจขนาดเล็กในยุโรป
ส่วน Apple ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นใดๆ