แล็บท็อป TUF Gaming ที่เป็นแบรนด์เกมมิ่งรุ่นเริ่มต้น ราคาเข้าถึงได้ของ ASUS ในปีนี้มีการอัพเกรดที่มากขึ้นกว่าเดิมในปีที่แล้วโดยเฉพาะการ์ดจอ จากที่ปีที่แล้วใช้แค่รุ่นเก่ากลาง ๆ อย่าง GTX 1660Ti แต่ปีนี้ ASUS ให้มาเกือบสุดที่ RTX 3070 แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่กระโดดขึ้นมากว่า 10,000 บาทเลย
แต่ในภาพรวมก็ถือเป็นแล็บท็อปเกมมิ่งที่น่าสนใจรุ่นหนึ่ง เพราะสเปคที่ไปเกือบสุด แต่ค่าตัวค่ำกว่ารุ่นสเปคใกล้ ๆ กันในแบรนด์ ROG ด้วยซ้ำไป
ในแง่ของดีไซน์อาจเป็นหนึ่งในจุดด้อยของซีรีย์ TUF Gaming ที่ดูเน้นแสดงความอึดถึกทน ไม่ได้เน้นไปที่ความโฉมเฉี่ยวเหมือนรุ่นใหญ่อย่าง ROG ซึ่งก็เข้าใจได้ในแง่การวางตัวสินค้า โดยดีไซน์ขชอง TUF Gaming A15 (FA506QR-AZ001T) รุ่นที่ผมได้มารีวิวยังคงดีไซน์เอาไว้แบบเดียวกันกับปีที่แล้ว
ส่วนสเปคก็อย่างที่เกริ่นไปว่าค่อนข้างสุด
หนึ่งในเกมที่น่าจะกินสเปคที่สุดแล้วตอนนี้คือ Cyberpunk 2077 ผมเล่นด้วยการตั้งค่า Ultra ทุกอย่างรวมถึง Ray Tracing ด้วย และลองไปวิ่งเล่นในเมืองที่ asset ค่อนข้างเยอะ ผลออกมาคือ FPS เฉลี่ยอยู่ที่ราว 40 FPS ซึ่งก็ถือว่าไม่แย่ ส่วนหากออกนอกเมืองที่เป็นทะเลทราย ก็มีขึ้นไปที่ 60-70 อยู่เหมือนกัน
ส่วนอีกเกมคือ Assassin’s Creed: Odyssey (รอ Valhalla ลดราคา) ที่แอบกินสเปคอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ตั้งค่า Ultra ทุกอย่าง และลองรันด้วยเบนช์มาร์คผลออกมาตามนี้
อีกเกมคือ GTA V ที่ตั้งสุดทุกอย่างและเปิด MSAA ที่กินพลังฮาร์ดแวร์มากกว่า FXAA ผลเบนช์มาร์คเท่าที่สังเกตต่ำสุดจะอยู่ราว 50-60FPS เฉลี่ย ๆ ก็อยู่ที่ 70-80FPS
ส่วนเรื่องความร้อน แน่ล่ะว่าตอนเล่นเกมหนัก ๆ และพัดลมตัวเครื่องเปิดสุด เสียงดังอยู่เหมือนกัน แต่สำหรับอุณหภูมิบนคีย์บอร์ดถือว่าไม่ร้อนเกินไปเลย สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สบาย
อย่างไรก็ตามปัญหาหนึ่ง (อาจจะไม่ถึงกับเป็นปัญหาเสียทีเดียว) ที่เจอคือลำโพงของ A15 รุ่นนี้ไม่ได้ดังหรือเด่นชัดมากนัก แม้ ASUS จะบอกว่ามีการปรับปรุงเรื่องเบสหรือความดังขึ้นก็ตาม คิดว่าต่อลำโพงนอกหรือใส่หูฟังน่าจะได้อรรถรสในการเล่นมากกว่า
Asus TUF Gaming A15 (FA506QR-AZ001T) ราคา 46,990 บาท ส่วนรุ่น 512GB (FA506QR-HN035T) ราคา 42,990 บาท