เมื่อพูดถึง Industry 4.0 สำหรับภาคการผลิตแล้ว เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และถือเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมฯ ต่างต้องเร่งปรับตัว ที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัล และอินเทอร์เน็ตมาใช้ เพื่อให้กระบวนการผลิตสินค้ามีประสิทธิภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการของตลาด ตลอดจนสามารถรับมือกับสภาพการแข่งขันทั้งจากในประเทศ และในตลาดโลก ตอบโจทย์อุตสาหกรรมยุคใหม่ได้อย่างทันท่วงที
คุณชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด เล็งเห็นถึงความต้องการในด้านเทคโนโลยีสำหรับภาคการผลิตของประเทศ โดยกล่าวว่า “อุตสาหกรรมภาคการผลิตนั้นมีความสำคัญต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างมาก การเตรียมความพร้อมด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจจึงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการธุรกิจด้านการผลิตควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
โดยระบบการผลิตอัจฉริยะ หรือ Smart Manufacturing ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทยก้าวสู่ Industry 4.0 ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีคลาวด์ และปัญญาประดิษฐ์เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญต่อการยกระดับระบบการผลิตภายใต้แนวคิด Smart Manufacturing”
ตัวอย่างความสำเร็จจาก Foxconn Industrial Internet Co., Ltd.
หนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จของการนำเทคโนโลยี และโซลูชันคลาวด์อัจฉริยะจากเทนเซ็นต์คลาวด์ มาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ คือ Foxconn Industrial Internet Co., Ltd. หรือ FII ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ภายใต้ผู้รับจ้างผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก และผู้ให้บริการออกแบบ และผลิตชั้นนำระดับมืออาชีพ
เทนเซ็นต์ คลาวด์ และ FII ได้เริ่มนำบริการโซลูชันคลาวด์แบบ end-to-end มาใช้ในการสร้าง และปรับใช้ในการปฏิบัติงานต่างๆ บนระบบอินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรม (Industrial Internet) ที่เชื่อมต่อเครื่องจักรขนาดใหญ่ในโรงงานเข้ากับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และพนักงาน ให้สามารถสื่อสาร และส่งข้อมูลระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งแบบบุคคลต่อบุคคล (person-to-person) บุคคลต่อเครื่องจักร(person-to-machine) และเครื่องจักรต่อเครื่องจักร (machine-to- machine)
FII ได้นำกลยุทธ์ “Smart Manufacturing + Industrial Internet” มาปรับใช้ ซึ่งประกอบด้วย การนำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ระบบขนส่งอัจฉริยะ และระบบควบคุมอุตสาหกรรมอัตโนมัติมาปรับใช้ร่วมกัน โดยโรงงาน และสายการผลิตส่วนใหญ่ของ FII ได้ติดตั้งระบบอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งหลายโรงงานเป็นโรงงานที่ทำงานแบบ “Light-off” ที่ใช้หุ่นยนต์ในการทำงานแบบเต็มระบบ และจากการใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรม คู่ไปกับระบบปฏิบัติการคลาวด์ ช่วยให้ FII สามารถลดค่าใช้จ่าย ปรับปรุงคุณภาพการผลิต ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูล และการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ และ FII ยังได้ร่วมมือกันในการนำกลยุทธ์ด้านการผลิตของ FII มาพัฒนาให้เกิดขึ้นจริงให้กลายเป็นแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง โดย Foxconn Industrial Cloud Platform (FII Cloud) เป็นการผสานการทำงานระหว่างเทคโนโลยีด้านการปฏิบัติการ และเทคโนโลยีด้านสารสนเทศ เพื่อสร้างระบบเชื่อมต่อการสื่อสารที่มีความปลอดภัยระหว่างโรงงานผลิต และ FII Cloud ด้วยการใช้ระบบนิเวศด้านอินเทอร์เน็ตจากเทนเซ็นต์ (Tencent Internet Ecosystem) ที่ทาง FII ได้ปรับใช้ส่วนประกอบ และแอปพลิเคชันหลายรายการบนแพลตฟอร์มของบริษัทฯ ด้วยเทคโนโลยี BEACON บนระบบของเทนเซ็นต์ คลาวด์ ช่วยให้การเข้าถึงระบบของโรงงานที่อยู่ในพื้นที่ที่ต่างกันนั้นสามารถทำได้จริงอย่างราบรื่น และไร้รอยต่อ
เทนเซ็นต์ พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมภาคการผลิตไทย ด้วยโซลูชันคลาวด์ระดับเวิลด์คลาส
คุณชาง ฟู ได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทนเซ็นต์ คลาวด์ไว้ว่า “เทนเซ็นต์ คลาวด์ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ทุกองค์กรเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เรามีความตั้งใจที่จะส่งเสริม และสนับสนุนผู้ประกอบการภาคการผลิตของไทยอย่างเต็มที่ ด้วยความเชี่ยวชาญ เครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานด้านศูนย์ข้อมูลอันแข็งแกร่งของเทนเซ็นต์ ซึ่งจะทำให้เราสามารถผสานการทำงานระบบปฎิบัติการคลาวด์ กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data analytics) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึง Internet of Things (IoT) ความปลอดภัย และเทคโนโลยีอันทันสมัยอื่นๆ เข้ากับบริบทการทำงานของธุรกิจเพื่อการดำเนินงานอย่างชาญฉลาด
และด้วยโซลูชันคลาวด์อัจฉริยะต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจภาคการผลิตสามารถปรับการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพการแข่งขัน และแนวโน้มที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิต พร้อมกับเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกอีกด้วย”
เทนเซ็นต์จึงพร้อมมอบบริการระบบปฏิบัติการคลาวด์ระดับเวิล์ดคลาสที่มีประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และยืดหยุ่น สามารถปรับได้ตามความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งสามารถมอบโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ยังมีทีมสนับสนุนในประเทศไทยที่สามารถให้บริการ และคำปรึกษากับลูกค้าคนไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในประเทศ และมีศูนย์จัดเก็บข้อมูล (Data Center) ที่ตั้งอยู่ในประเทศ เพื่อให้การถ่ายโอนข้อมูลของลูกค้าในประเทศไทยเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และมีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อร่วมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถ ก้าวสู่ Industry 4.0 ได้อย่างสมบูรณ์