KBTG ร่วมถกปัญหาทักษะแรงงานอนาคต ชี้การทำงานกับ Machine คือทักษะจำเป็นไปอีก 10 ปี

by advertorial
7 June 2021 - 07:45

ภาคการศึกษากำลังเผชิญความท้าทายจากระบบการศึกษาที่พัฒนาและปรับเปลี่ยนหลักสูตรการสอนไม่ทันต่อเทรนด์โลก ผลิตคนไม่ตอบโจทย์อุตสาหกรรม และยังมีความท้าทายเรื่อง reskill ในสาขาอาชีพเสี่ยงตกงานตามความต้องการในตลาดแรงงาน เราจึงเห็นองค์กรใหญ่เข้าไปทำงานกับสถาบันการศึกษา เพื่อระบุทักษะสำคัญในโลกจริงแล้วนำไปปรับใช้ในการพัฒนาหลักสูตร เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

KBTG ถือเป็นองค์กรที่ตื่นตัวในเรื่องนี้มาตลอด เห็นได้จากการทำโครงการ Tech Kampus เข้าไปร่วมพัฒนาหลักสูตรในและร่วมทำงานวิจัยกับมหาวิทยาลัย เตรียมความพร้อมนักศึกษาสู่ตลาดอุตสาหกรรมจริง รวมทั้งส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรให้พนักงานรีสกิลตัวเองอยู่เสมอ

ถือเป็นโอกาสอันดีที่สำนักวิจัย The Stanford Thailand Research Consortium ของมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่างสแตนฟอร์ด จัดงานสัมมนาในหัวข้อ “Future Thailand-Innovation in Education and Workforce Development” โดยมีเป้าหมายเพื่อเตรียมความพร้อมของนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง

ผู้ร่วมอภิปรายคือคณาจารย์และนักวิจัยในโครงการ ITS หรือ Innovative Teaching Scholars จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ด้านผู้บรรยายจากภาคธุรกิจที่มาพูดคุยและสำรวจมุมมองของภาคอุตสาหกรรม ประกอบด้วย

  • คุณกานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล กลุ่มอินทัช และหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
  • คุณวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
  • คุณเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส - เทคโนโลยี กรุ๊ป (KASIKORN Business-Technology Group หรือ KBTG)

ทักษะจำเป็นในช่วง 10 ปี คือการทำงานกับเครื่องจักร

คุณกระทิง ให้มุมมองว่า ทักษะที่จะมีความสำคัญอย่างน้อยไปอีก 10 ปีต่อจากนี้คือ ทักษะการทำงานกับเครื่องจักร (machine) เพราะ 10 ปีต่อจากนี้เทคโนโลยีจะมีความสำคัญในทุกองค์ประกอบของชีวิต คนทำงานโดยเฉพาะฝั่งเทคโนโลยี ต้องเรียนรู้ที่จะทำงานกับปัญญาประดิษฐ์ ยกตัวอย่างในองค์กร KBTG ที่ปรับใช้ปัญญาประดิษฐ์ และการทำงานอัตโนมัติในทุกกิจกรรมการทำงานตั้งแต่ระดับปฏิบัติการทั่วไปจนถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์

แต่ในขณะเดียวกัน คนต้องไม่สูญเสียทักษะซอฟต์สกิลอย่างความเห็นอกเห็นใจ (empathy) ความคล่องตัว (agility) หรือความสามารถที่จะเรียนรู้ใหม่ได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญอย่างปัจจุบันนี้

คุณกระทิงคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า โลกจะเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง (continuous disruption) โดยเฉพาะฝั่งเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนเร็วมาก ดังนั้นทักษะที่จำเป็นในระยะยาวคือเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเปลี่ยนแปลง หาทางประยุกต์ทักษะตัวเองเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้

ที่ KBTG เองก็มีโครงการรีสกิลพนักงานมากมาย มีพนักงานหลายคนที่ไม่ได้เรียนจบตรงสาย แต่มารีสกิลหรือพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่ KBTG ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากพนักงานเหล่านั้นขาดทัศนคติการเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

เมื่อถามว่าเกรดและ GPA มีผลกับการทำงานจริงหรือไม่ คุณกระทิงระบุว่าองค์กรไม่ได้ให้ความสำคัญกับเกรดมากขนาดนั้น เพราะในชีวิตการทำงานจริง ยังมีเนื้อหาที่อยู่นอกขอบเขตการเรียนการสอนอีกมาก ทั้งความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ความสามารถในการสื่อสารและการเป็นผู้นำในตัวเอง

เมื่อ KBTG รับพนักงานที่เพิ่งจบการศึกษา เราจะใช้เวลาราว 6 เดือนให้เขาเรียนรู้งานและรีสกิลตัวเองให้พร้อมทำงาน ในบางครั้งเราพบคนที่ได้ GPA 4.0 แต่ทำงานโค้ดดิ้งไม่ได้ตามที่เราคาดหวังไว้ ซึ่งเกิดจากปัญหาการทดสอบระดับมืออาชีพ (professional test) ที่ใช้งานจริง กับการทดสอบในมหาวิทยาลัย ไม่สอดคล้องกัน

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ KBTG เข้าไปทำงานกับสถาบันการศึกษาในโครงการ Tech Kampus กับมหาวิทยาลัย 10 แห่ง ส่งทีมงาน KBTG เข้าไปทำงานอย่างใกล้ชิดกับอาจารย์เพื่อพัฒนาหลักสูตรร่วมกัน และทำงานกับนักศึกษาเพื่อวิจัยร่วมกัน ให้นักศึกษาเห็นภาพการทำงานในชีวิตจริงตั้งแต่ยังศึกษาอยู่ ในระยะยาวองค์กรจะได้ใช้เวลารีสกิลพนักงานใหม่น้อยลงด้วย

นอกเหนือจากเกรดและผลการศึกษาแล้ว คุณกระทิงมองว่ายังมีการทดสอบแบบอื่นที่ใช้ประเมินศักยภาพของนักศึกษาได้เช่นกัน ที่ KBTG เองมีแบบทดสอบขององค์กรที่ช่วยให้เรารู้ว่าคนที่จะเข้ามาทำงานกับเรามีทักษะระดับใด รับมือกับอุปสรรคอย่างไร แก้ปัญหาอย่างไร และในอนาคตเราจะมองเห็นการทดสอบในรูปแบบอื่นจากแพลตฟอร์ม Edtech ต่างๆ ที่เติบโตขึ้น

คุณกระทิงมองว่าการศึกษาดิจิทัลที่ใครก็เข้าถึงได้ และคอร์สเรียนออนไลน์ที่ออกใบรับรองได้ ปัจจัยเหล่านี้จะมีบทบาทในการคัดเลือกคนทำงานมากขึ้น ถือเป็นความท้าทายที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลยุคใหม่ต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน

โครงการ ITS จุดประกายนักการศึกษา ทดลองแนวทางใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมนักศึกษา

สถาบันการศึกษาผลิตคนไม่ตอบโจทย์การทำงานจริงไม่ได้เป็นเพียงปัญหาประเทศไทย แต่ยังเป็นปัญหาระดับโลก ดร. ลาติเซีย บริทอส คาแวคแนโร ศาสตราจารย์พิเศษ สถาบันออกแบบ Hasso PlattnerInstitute of Design กล่าวว่า มหาวิทยาลัยทั่วโลกต่างกำลังเผชิญกับปัญหาด้านความไม่สอดคล้องระหว่างการเตรียมความพร้อมของนักศึกษากับทักษะและวิธีคิด (mindset) ที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพในอนาคต จึงตั้งโครงการ ITS ขึ้นเพื่อติดอาวุธให้แก่คณาจารย์มหาวิทยาลัยไทย 50 คน ได้ทดลองทำแนวทางการสอนแบบใหม่ ส่งเสริมให้อาจารย์เหล่านี้เป็นผู้นำที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมงานและสถาบันของพวกเขาได้ทดลองแนวการสอนแบบใหม่ด้วย

คุณกานติมา เลอเลิศยุติธรรม จากเอไอเอสให้ความเห็นว่า เอไอเอสเองมีโครงการรีสกิลพนักงานในองค์กรอย่าง Academy for Thai และทำงานร่วมกับภาคการศึกษาอยู่แล้วเช่นกัน และอยากเสนอทางภาคการศึกษาให้ความสำคัญกับซอฟต์สกิลซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการทำงานจริง

ด้านคุณวิทการ จันทวิมล จาก เอพี ไทยแลนด์ แสดงความเห็นว่าการเตรียมนักศึกษาให้มีความพร้อมในการทำงานในยุคปัจจุบันนั้น นอกจากจะต้องเชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพของตนเองแล้ว ยังต้องมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานร่วมกับผู้อื่น รวมถึงมีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ ทางเอพีก็มีโครงการ AP Open House ช่วยเสริมสร้างแนวทางที่เปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาได้พัฒนาทักษะดังกล่าว

สำหรับโครงการ ITS หรือ Innovative Teaching Scholars program เป็นโครงการริเริ่มของ the Stanford Thailand Research Consortium (STRC) เปิดรับสมัครนักการศึกษาในประเทศไทยที่สนใจเข้าร่วมเวิร์คชอป เน้นที่ทักษะการสอนและวิธีการที่ครูอาจารย์จะสามารถนำไปบูรณาการระหว่างภาคเรียนได้

Blognone Jobs Premium