จากประเด็น โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอบคำถามนักข่าว ให้ความเห็นว่าโซเชียลมีเดีย ฆ่าคนทางอ้อมปล่อยให้มีข้อมูลเท็จวัคซีน ล่าสุด Facebook เขียนบล็อกโต้กลับโดยยกข้อมูลบอกว่าตั้งแต่เดือน ม.ค. เป็นต้นมา ผู้ใช้ Facebook ยอมรับวัคซีนเพิ่มขึ้น 10-15% ซึ่งก็คือเพิ่มขึ้นจาก 70% เป็น 80-85% ฉะนั้น Facebook จึงไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ฉีดวัคซีนไม่ได้ตามเป้า
ตั้งแต่เดือนเม.ย. ปี 2020 เป็นต้นมา Facebook บอกว่าร่วมมือกับ Carnegie Mellon University และ University of Maryland สำรวจทั่วโลกเพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอาการของ COVID-19, อัตราการฉีดวัคซีน ฯลฯ รวบรวมคำตอบกว่า 70 ล้าน และมากกว่า 170,000 คำตอบต่อวันในกว่า 200 ประเทศ โดยในสหรัฐฯ พบว่า ความลังเลที่จะไปฉีดวัคซีนนั้นลดลง 50%
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า 85% ของผู้ใช้ Facebook ในสหรัฐอเมริกาเคยฉีดวัคซัน หรือมีความต้องการฉีดวัคซีน COVID-19 ดังนั้น การที่เป้าหมายฉีดวัคซีนของไบเดนคือ 70% ของประชากรภายในวันที่ 4 ก.ค. ที่ไม่เป็นไปตามเป้านั้น ไม่ใช่ความผิด Facebook
ท่าทีของไบเดน สอดคล้องกับความเห็นของนักการเมืองคนอื่นในทำเนียบขาว Jen Psaki โฆษกของทำเนียบขาวมองว่าบริษัทโซเชียลเหล่านี้ต้องพยายามเพิ่มมาตการต่อต้านข่าวปลอมให้มากกว่าที่เป็นอยู่
Vivek Murthy แพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ ออกมาเตือนเรื่องข้อมูลปลอมเกี่ยวกับวัคซีนกลายเป็นเรื่องอันตราย โซเชียลมีเดียต้องตระหนักได้แล้วว่าพวกเขามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความเร็วของข้อมูลเท็จที่กำลังแพร่กระจายในขณะนี้
ที่มา - Facebook, The New York Times