Matthew Prince ซีอีโอ Cloudflare และ Nitin Rao รองประธานอาวุโส เขียนบล็อกวิจารณ์ถึงนโยบายราคาแบนด์วิดท์แบบ egress ของ AWS ว่าเป็นช่องทางทำกำไรใหญ่ และ AWS บวกกำไรนับสิบเท่าตัวจากต้นทุนโดยไม่ยอมลดราคาตามต้นทุนที่ลดไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
บทความระบุว่าต้นทุนของผู้ให้บริการรายใหญ่นั้นมักซื้อแบนด์วิดท์กันเป็นความเร็ว ไม่ใช่ปริมาณข้อมูล แต่ AWS คิดค่าบริการจากลูกค้าตามปริมาณข้อมูลที่ส่งไปตามโซนต่างๆ โดยทั่วไปแล้วผู้ให้บริการรายใหญ่นั้นใช้แบนด์วิดท์ประมาณ 20-40% โดยเฉลี่ย และหากคำนวณราคาที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ๆ ซื้อแบนด์วิดท์และคิดอัตราการใช้งานที่ 20% ราคาที่ AWS คิดลูกค้าก็ยังแพงกว่าต้นทุน 3.5 เท่า ไปจนถึง 80 เท่าตัว โดยโซนที่ AWS เพิ่งเปิดไม่นานก็มักจะบวกราคาน้อยกว่า
จุดที่ทำให้ Cloudflare ออกมาวิจารณ์ AWS ครั้งนี้น่าจะเป็นเพราะ AWS ไม่ยอมเข้าร่วม Bandwidth Alliance ที่ Cloudflare ตั้งขึ้นร่วมกับผู้ให้บริการคลาวด์จำนวนมาก เพื่อเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คเข้าหากันและลดค่าแบนด์วิดท์ระหว่างกันลง โดยระบุว่าเคยชวน AWS แล้วแต่ AWS กลับปฎิเสธ เงื่อนไขนี้ทำให้ลูกค้าจำนวนมากที่ใช้ Cloudflare ร่วมกับ AWS ต้องแบกค่าแบนด์วิดท์ระหว่าง AWS และ Cloudflare ในราคาส่งข้อมูลออกอินเทอร์เน็ตเต็ม
แนวทางการคิดค่าแบนด์วิดท์ของ AWS ทำให้การใช้บริการหลายอย่างต้องระวัง เช่น การเก็บข้อมูลเข้า S3 นั้นการใส่ข้อมูลขาเข้านั้นไม่คิดค่าแบนด์วิดท์ ขณะที่การดึงข้อมูลออกมีค่าแบนด์วิดท์ ทำให้องค์กรที่สำรองข้อมูลบนคลาวด์เมื่อต้องใช้ข้อมูลจริงๆ จะพบว่ามีค่าใช้จ่ายในการดึงข้อมูลออกค่อนข้างสูง
ที่มา - Cloudflare