Oracle ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล SQL แต่เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลครบวงจร

by sponsored
24 July 2021 - 08:24

หลายคนอาจมีภาพจำว่า Oracle เป็นซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลแบบ relational database แต่ปัจจุบันเมื่อความต้องการใช้งานข้อมูลหลากหลายมากขึ้น Oracle ก็ปรับตัวเองเป็น Converged Database แพลตฟอร์มเดียวรองรับข้อมูลรูปแบบอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นโซลูชันที่ยืดหยุ่น รองรับการใช้งานทั้งแบบ on-premise, public cloud, Cloud@Customer

รูปแบบการเก็บข้อมูลเปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ Relational Database แบบดั้งเดิม

ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา โลกธุรกิจอาศัยอยู่บนระบบฐานข้อมูลแบบ relational database หรือฐานข้อมูลที่ใช้ภาษา SQL ในการจัดการข้อมูลขององกร โดย Oracle ถือเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล SQL ระดับแถวหน้าที่องค์กรชั้นนำทั่วโลกไว้วางใจ เลือกใช้งานในแอปพลิเคชั่นแกนกลางของธุรกิจเรื่อยมา

แต่โลกธุรกิจวันนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก ข้อมูลมีความซับซ้อนกว่าเดิมมาก ข้อมูลหลายประเภทไม่ได้อยู่ในรูปแบบตารางที่เหมาะกับการจัดการแบบ SQL แต่เปลี่ยนมาเป็นรูปแบบอื่นๆ เช่น เอกสาร JSON, ข้อมูลพิกัด (spatial data), ข้อมูลกราฟที่ใช้อธิบายความสัมพันธ์ได้หลากหลาย, หรือข้อมูล key-value ที่ได้รับความนิยมกับแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ มากขึ้น

ความหลากหลายของข้อมูลทำให้องค์กรต้องเรียนรู้เครื่องมือจัดการข้อมูลแบบใหม่ๆ มากขึ้น การจัดการข้อมูลแยกส่วนกัน การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล และการจัดการความปลอดภัยก็ทำได้ลำบากกว่าเดิม

นอกจากนี้ระบบไอทียุคใหม่ยังมีต้องอัพเกรดระบบให้แข่งขันได้ในทางธุรกิจ โหลดงานหลายประเภทถูกย้ายขึ้นคลาวด์เพื่อให้ขยายระบบตามจำนวนผู้ใช้ได้ทันท่วงที แต่ในอีกด้าน ยังมีข้อมูลหลายประเภทมีเงื่อนไขทั้งทางธุรกิจและทางกฎหมายบังคับไว้ ทำให้ต้องเก็บข้อมูลแบบ on-premise ต่อไป ภาระในการดูแลระบบที่หลากหลายจึงเพิ่มขึ้นอีก

Oracle รับรู้ความลำบากขององค์กร จึงนำเสนอแนวทาง Any Data, Anywhere ช่วยเหลือทุกธุรกิจให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทุกมิติได้พร้อมกัน

Converged Database ฐานข้อมูลเดียวรับข้อมูลได้ทุกประเภท

แนวทาง Converged Database ของออราเคิล เปิดทางให้องค์กรรองรับรูปแบบการใช้ฐานข้อมูลที่หลากหลายกว่าฐานข้อมูลแบบ SQL ดั้งเดิม ไม่ว่านักพัฒนาต้องการเข้าถึงฐานข้อมูล SQL, เชื่อมต่อผ่าน REST API, คิวรีแบบ Graph, หรือจัดการข้อมูลแบบ events ก็สามารถจัดการได้บนแพลตฟอร์มเดียว ลดความเสี่ยงจากการใช้เครื่องมือหลายตัวที่องค์กรขาดความเชี่ยวชาญ

ถ้าให้เทียบฐานข้อมูลรูปแบบ Converged Database กับสินค้าไอที ในยุคก่อนเราอาจมีกล้องถ่ายภาพ, เครื่องเล่น MP3, นาฬิกา, โทรศัพท์มือถือ, หรือ PDA แยกชิ้นจากกันทั้งหมด แต่ทุกวันนี้ทุกชิ้นล้วนเป็นชิ้นเดียวคือสมาร์ตโฟนเท่านั้น

นอกจากประเด็นเรื่องประเภทของข้อมูลที่รองรับ ในแง่ฟีเจอร์ระดับสูงอย่าง machine learning เพื่อทำนายความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ, ปรับรูปแบบการนำเสนอข้อมูล visualization ไปยังลูกค้าให้มีประสิทธิภาพ ฯลฯ เทคโนโลยีเหล่านี้ธุรกิจต่างๆ เคยต้องอิมพลีเมนต์ด้วยตัวเอง แต่ปัจจุบัน ระบบฐานข้อมูล Oracle มีฟังก์ชั่นเข้ามาให้ในตัวหมดแล้ว

รูปแบบใช้งานหลากหลาย On-Premise, Cloud, Cloud@Customer

ทุกธุรกิจมีเงื่อนไขการรันงานที่แตกต่างกันไป ระบบฐานข้อมูล Oracle จึงมีตัวเลือกหลากหลาย รองรับเงื่อนไขของแต่ละธุรกิจอย่างเหมาะสม ทั้งการใช้ฐานข้อมูลแบบ on-prem, การใช้งานคลาวด์, หรือตัวเลือกคลาวด์ในศูนย์ข้อมูลขององค์กรเอง

จุดเด่นอีกข้อของ Oracle คือมีบริการฮาร์ดแวร์เซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง ที่หลายคนอาจคุ้นเคยกับชื่อ Exadata มาบ้าง

Oracle Exadata เป็นผลงานทางวิศวกรรมที่ออราเคิลออกแบบเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจมาเพื่องานฐานข้อมูลโดยเฉพาะ ทำให้ได้เซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพการรันฐานข้อมูลสูงสุด เช่น เซิร์ฟเวอร์สตอเรจ Exadata Storage สามารถทำการประมวลผล SQL ได้ในตัว ทำให้การประมวลผลฐานข้อมูลไม่ต้องเสียเวลาส่งข้อมูลไปมาระหว่างเซิร์ฟเวอร์สตอเรจเก็บข้อมูลและเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูล

สถาปัตยกรรมภายในของเซิร์ฟเวอร์สตอเรจแต่ละตัวใน Exadata ก็ยังมีการแบ่งชั้นข้อมูล (tiering) ตามความเร็วในการเรียกข้อมูล ทั้ง persistent memory ที่ความเร็วใกล้เคียงกับหน่วยความจำ แต่ยังคงคุณสมบัติข้อมูลไม่หายแม้ปิดเซิร์ฟเวอร์ (non-volatile) สำหรับเก็บข้อมูลที่ใช้งานบ่อยที่สุด, หน่วยความจำแบบแฟลชสำหรับเก็บข้อมูลรองลงมา, และฮาร์ดดิสก์ที่ความเร็วน้อย แต่ประสิทธิภาพราคาต่อพื้นที่ดีที่สุด

สำหรับองค์กรที่ไม่ต้องการดูแลฮาร์ดแวร์ด้วยตัวเอง แต่ยังต้องการเก็บข้อมูลไว้ภายในศูนย์ข้อมูลของตัวเอง ลูกค้ากลุ่มนี้มีโซลูชัน Oracle Exadata Cloud@Customer เป็นทางเลือก โดยใช้ฮาร์ดแวร์ Exadata พร้อมกับซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล Oracle Database เต็มรูปแบบ ใช้งานได้ทุกฟีเจอร์ มาวางไว้ที่ศูนย์ข้อมูลขององค์กร แต่เปลี่ยนวิธีจัดการมาให้ Oracle ดูแลแทน โดยคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง

ไม่ว่าองค์กรจะเลือกวิธีเช่าเซิร์ฟเวอร์แบบ Cloud@Customer หรือเช่าคลาวด์โดยตรงเลยคือ Oracle Cloud Infrastructure จะได้ฟีเจอร์สำคัญคือ Autonomous Database ระบบฐานข้อมูลที่ช่วยลดงานของผู้ดูแลฐานข้อมูลลงไปอีกขั้น ฐานข้อมูลขยายระบบได้ตามโหลดงานจริง, เรียนรู้รูปแบบการใช้งานและทำ index เพิ่มประสิทธิภาพให้ฐานข้อมูลได้เอง รวมไปถึงการจัดการแพตช์ความปลอดภัยต่างๆ ให้อัตโนมัติ

ล่าสุด Larry Ellison เพิ่งจะประกาศห้าวในการ ลดค่า MA 25% กับทุกๆการใช้ Oracle Cloud ไม่ว่าจะเป็น public cloud หรือ PaaS ที่เป็น cloud บน Exadata Cloud@Customer และนำมาลด MA ของซอฟท์แวร์ได้ในรอบบิลถัดไป เรียกว่าเป็นข้อเสนอพิเศษสุด ที่ช่วยให้ลูกค้าปัจจุบันลดค่า MA ได้โดยหันมาใช้ cloud มากขึ้น

Oracle โซลูชันที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ

จากแนวทางทั้งหมด จะเห็นว่าโซลูชันจัดการข้อมูลของ Oracle สามารถตอบโจทย์องค์กรทุกประเภท ไม่ว่าการใช้งานข้อมูลในองค์กรจะเป็นรูปแบบใด ตั้งแต่แอปพลิเคชั่นเดิมขององค์กรที่ต้องการอัพเกรดประสิทธิภาพ หรือจะเป็นแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่ต้องการเก็บข้อมูลในรูปแบบใหม่ๆ นอกเหนือจากข้อมูลแบบ relational

ไม่ว่าองค์กรต้องการเริ่มจากฐานข้อมูลขนาดเล็กบนคลาวด์, ต้องการขยายขนาดฐานข้อมูลสำหรับแอปพลิเคชั่นที่ซับซ้อน, หรือจะเป็นฐานข้อมูลที่ต้องอยู่ในศูนย์ข้อมูลขององค์กร Oracle ก็พัฒนาโซลูชันเพื่อให้มั่นใจได้ว่าองค์กรทุกกลุ่มจะเข้าถึงนวัตกรรมต่างๆ ในระดับเดียวกัน

ศึกษาข้อมูลโซลูชันการจัดการข้อมูลจาก Oracle เพิ่มเติมได้ที่

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ +662-696-4798 / SALESINQUIRY_TH@ORACLE.COM

Blognone Jobs Premium