ระบบไอทีในองค์กรแทบทุกองค์กรกำลังปรับตัวไปสู่ยุค Hybrid Cloud ที่ทุกคนต้องการปรับปรุงโครงสร้างไอทีขององค์กรให้เข้าสู่ยุคใหม่ สามารถขยายระบบได้คล่องตัวตามการใช้งานที่อาจคาดเดาได้ยาก ระบบเหล่านี้ต้องรองรับแอปพลิเคชันเดิมขององค์กรที่เคยใช้งานมายาวนานได้โดยดัดแปลงแก้ไขแอปพลิเคชันไม่มากนัก, มีความปลอดภัยสูงพร้อมรับมือกับการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน, ระบบมีความเสถียรสูงสุดและต้องไม่สร้างภาระค่าใช้จ่ายสูงเกินไป
ไอบีเอ็มเสนอ IBM Power Systems เซิร์ฟเวอร์สำหรับองค์กรที่เตรียมอัปเกรดระบบโดยมีความต้องการหลายด้านเช่นนี้ อาศัยแพลตฟอร์ม โอเพนซอร์สจาก Red Hat ทำให้องค์กรสามารถอัปเกรดแอปพลิเคชันขึ้นมาบนแพลตฟอร์มสมัยใหม่แบบ Hybrid Multicloud ได้เต็มรูปแบบ
ความได้เปรียบของ IBM Power Systems เริ่มจากซีพียู IBM POWER9 ที่องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกเลือกใช้งานเป็นจำนวนมาก โดยไอบีเอ็มออกแบบซีพียูที่คำนึงถึงระบบงานทางธุรกิจที่องค์กรใช้งาน โดยทำหน้าที่เป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์โครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้ระบบงานหรือแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่มีความเร็วตอบสนองความต้องการของธุรกิจและผู้ใช้ได้รวดเร็วทันใจ และเน้นด้านการป้องกันความเสียหายที่เกิดจาก Cybersecurity มีความปลอดภัยของข้อมูลและเสถียรภาพสูงสำหรับทุกธุรกิจ
ผลสำรวจจาก Information Technology Intelligence Consulting (ITIC) แสดงให้เห็นว่า IBM Power Systems เป็นระบบที่มีเสถียรภาพสูงสุด มีช่วงเวลาปิดระบบโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า (unplanned downtime) เพียง 0.11 ชั่งโมงต่อปี หรือเท่ากับ 6.6 นาทีต่อปีเท่านั้น ซึ่งดีกว่าระบบปฏิบัติการลีนุกซ์อื่น ๆ ที่ใช้ซีพียูตระกูล x86
นอกจากความน่าเชื่อถือของฮาร์ดแวร์แล้ว IBM Power Systems ยังออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยในทุกระดับตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ เฟิร์มแวร์ จนถึงระดับแอปพลิเคชัน
องค์กรจำนวนมากกำลังปรับโครงสร้างไอทีไปสู่ Cloud Native App Modernization ไอบีเอ็มก็เป็นอีกบริษัทที่ลงทุนกับแพลตฟอร์ม Cloud อย่างเต็มตัวด้วยการควบรวมธุรกิจกับ Red Hat ทำให้ทำงานร่วมกันได้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น และทำให้ไอบีเอ็มกลายเป็นผู้ให้บริการ Hybrid Cloud และ Enterprise Container Platform อันดับต้น ๆ ของโลก
ผลิตภัณฑ์หรือโซลูชันต่าง ๆ ที่ออกสู่ท้องตลาดเองก็ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าผ่านการตรวจสอบและการทำงานที่เข้ากันได้ตั้งแต่ระดับฮาร์ดแวร์หรือ Infrastructure-as-a-Service ไปจนถึงระดับ Platform-as-a-Service หรือ Software-as-a-Service ได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างเช่น ความสามารถของเครื่องเซิร์ฟเวอร์สำหรับลูกค้าองค์กรที่ออกแบบอยู่บนพื้นฐานสถาปัตยกรรมหน่วยประมวลผล IBM POWER9 และล่าสุดคือ IBM POWER10 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเร็ว ๆ นี้ รองรับระบบงานสำคัญขององค์กรในแต่ละกลุ่มธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์ มีประสิทธิภาพสูงกว่า x86 หลายเท่าตัว
องค์กรขนาดใหญ่มักมีแอปพลิเคชันจำนวนมากทำงานเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะ Cloud Native Application หรือโปรแกรมในรูปแบบคอนเทนเนอร์ที่องค์กรกำลังพัฒนาหรือใช้งานอยู่ เมื่อรัน Red Hat OpenShift บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ซีพียู IBM POWER9 หรือ IBM POWER10 ล่าสุด จะรองรับจำนวนคอนเทนเนอร์ต่อคอร์ ได้ปริมาณสูงกว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์ในตระกูล x86 ถึง 3.2 เท่าตัว ในขณะที่ประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชันในแต่ละคอนเทนเนอร์ไม่ได้ด้อยลงแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับทำงานได้เร็วกว่า ทำให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะสามารถทำงานได้มากขึ้นด้วยทรัพยากรที่เทียบเท่ากัน หรือในทางกลับกันคือด้วยปริมาณงานที่เท่า ๆ กัน องค์กรสามารถลงทุนทางด้าน IT Infrastructure สำหรับระบบคลาวด์ที่ต่ำกว่าได้ ทำให้ประสิทธิภาพต่อราคาของโซลูชัน IBM Power Systems ดีกว่าถึง 2.6 เท่าตัว เมื่อเทียบกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ x86
เซิร์ฟเวอร์ IBM Power Systems ยังรองรับงานประเภทใหม่ ๆ โดยเฉพาะงานปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI), การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning), และการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ได้เป็นอย่างดี และยังเพิ่มเติมออปชันเสริมอย่างหน่วยประมวลผล GPU หรืออุปกรณ์ประมวลผลเฉพาะทางที่สามารถโปรแกรมได้ (Field Programmable Gate Array – FPGA) เพื่องานเฉพาะทางได้ประสิทธิภาพสูงสุด
ในส่วนของการทำงานหรือบริการทางด้านคลาวด์ ไอบีเอ็มเสนอ IBM Cloud Paks หรือชุดซอฟต์แวร์คลาวด์สำเร็จรูปที่มาพร้อมเครื่องมือและโปรแกรมทางธุรกิจสำหรับระบบงานและการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับคลาวด์ให้ทำงานร่วมกับ IBM Power Systems หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี องค์กรที่ใช้งานสามารถ เข้าถึงแพ็กเกจซอฟต์แวร์แบบเปิดหรือโอเพ่นซอร์สได้อย่างกว้างขวาง และมั่นใจกับความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์ม ความยืดหยุ่นและง่ายในการพัฒนาหรือใช้งาน ความปลอดภัยที่มีมาให้ ไปจนถึงการดูแลแก้ปัญหาจากผู้เชี่ยวชาญของไอบีเอ็ม
องค์กรธุรกิจจำนวนมากมี Workload ที่รันอยู่บนแพลตฟอร์ม IBM AIX, IBM i, หรือ SAP HANA ซึ่งเป็นระบบหลักหรือหัวใจสำคัญของธุรกิจ การอัปเกรดและเลือกใช้ IBM Power Systems เป็นฮาร์ดแวร์พื้นฐานเปิดโอกาสให้องค์กรรันระบบงานเหล่านี้ด้วยประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด แอปพลิเคชันหลักขององค์กรเหล่านี้ก็จะสามารถรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นได้อย่างไม่มีปัญหา ทั้งยังเพิ่มความเร็วในการประมวลผลและตอบสนองการให้บริการได้รวดเร็วเพียงพริบตา ที่ผ่านมาองค์กรทั่วโลกไว้วางใจและอัปเกรดเซิร์ฟเวอร์ระบบ ERP บนเครื่อง IBM Power Systems กันเป็นจำนวนมาก รวมถึงลูกค้าที่ใช้งาน SAP ECC และต้องการอัปเกรดมาเป็น SAP HANA หรือ S/4 HANA ก็ยังเลือกใช้เครื่อง IBM Power Systems เป็นเซิร์ฟเวอร์หลักทั้งการใช้งานแบบ On-premises หรือใช้งานบนคลาวด์ได้ก็ตาม
เพื่อการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องการความรวดเร็ว ทำงานได้อย่างอัตโนมัติ และลดภาระของผู้ดูแลระบบ ทำให้ทางไอบีเอ็มและ Red Hat ออกเอกสารการันตีว่าลูกค้าสามารถใช้งาน Red Hat Ansible Automation Platform บริหารจัดการเครื่อง IBM Power Systems ระบบปฏิบัติการ AIX และ IBM i ทั้งเก่าและใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ลดงานดูแลระบบที่ต้องทำงานซ้ำๆในแต่ละวันที่ลงไปได้อย่างเห็นผลทันที ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสุขภาพของระบบและฮาร์ดแวร์ หรือการติดตั้ง Patch หรือฺ Bug Fix ได้อัตโนมัติ ช่วยให้เจ้าหน้าที่ไอทีมีเวลาในการทำงานอื่นๆมากขึ้น และยังช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานไปพร้อมกัน
ธุรกิจในช่วงวิกฤตินี้ อาจต้องเตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน IBM Power Systems และ IBM Storage เสนอทางเลือกสร้างความยืดหยุ่นให้กับทุกองค์กร ด้วยการใช้งานแบบ จ่ายตามจริง (Pay-As-You-Go หรือ PAYG) ช่วยให้องค์กรจัดการกระแสเงินลงทุนในช่วงวิกฤตแบบนี้ได้ง่ายขึ้น
ธุรกิจสามารถเช่าใช้ทรัพยากรบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ IBM Power Systems ตามการใช้งานจริงได้ตั้งแต่เริ่มต้น แนวทางนี้ยังเปิดให้องค์กรสามารถติดตั้งฮาร์ดแวร์รองรับการขยายตัวในอนาคตไว้ล่วงหน้า และเมื่อธุรกิจขยายตัวจนถึงจุดที่ต้องการใช้งานก็เพียงเปิดใช้ทรัพยากรเหล่านั้น โดยจ่ายค่าใช้งานรายเดือนเพิ่มเติมได้รวดเร็วแทบจะทันที ไม่ต้องกังวลกับการปิดระบบเพื่ออัปเกรดฮาร์ดแวร์ หรือต้องมาเสียเวลากับการรอสั่งซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมอีกต่อไป
ความสามารถของ IBM Power Systems พร้อมต่อการอัปเกรดโครงสร้างไอทีในองค์กรไปสู่โครงสร้างพื้นฐานแบบ Hybrid Multicloud ได้ง่ายกว่า คุ้มค่ากว่า และยืดหยุ่นกว่า ทั้งยังเสริมด้วยผู้เชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจไอทีอย่างทีมงาน Metro Connect ทำให้คุณมั่นใจได้ว่า บริษัท Metro Connect และไอบีเอ็มสามารถเป็นเพื่อนคู่คิดให้กับคุณและองค์กรในการวางแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างไอทีไปสู่องค์กรคลาวด์เต็มรูปแบบ สร้างความต่อเนื่องเพื่อการขับเคลื่อนทางธุรกิจ รวมไปถึงการช่วยออกแบบวางแผนเพื่อให้คุณสามารถเดินตามแผน Digital Transformation หรือ Industry 4.0 Roadmap และอื่น ๆ ได้ จากประสบการณ์และความรู้ในสายงานที่ผ่านมา หากลูกค้าสนใจหรือกำลังมองหาผู้ช่วยในการวางแผนการปรับปรุงไอทีให้เป็น Hybrid Multicloud ทางเราสามารถนำเสนอบริการ Cloud Assessment and Migration Workshop โดยให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปศึกษาและเก็บข้อมูล เพื่อผลดังต่อไปนี้
ฟรี..ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น รวมไปถึงสนใจผลิตภัณฑ์หรือโซลูชันจาก IBM Power Systems และ IBM Systems Storage และโซลูชันไอทีอื่น ๆ สามารถติดต่อทีมงาน Metro Connect เพื่อขอคำปรึกษาหรือขอรับบริการดังกล่าวได้ทันที ผ่านทางอีเมล์ : mktmcc@metroconnect.co.th หรือโทร : 02-0894880 รวมไปถึงสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ https://www.metroconnect.co.th/products/ibm-hardware/