[FT] นโยบายจำกัดการติดตามโฆษณาของ Apple ทำโซเชียลมีเดียใหญ่เสียรายได้ร่วมหมื่นล้านเหรียญ

by sunnywalker
1 November 2021 - 01:22

จากการที่ Apple ปรับนโยบายความเป็นส่วนตัวบนอุปกรณ์ หรือ App Tracking Transparency กำหนดให้โซเชียลมีเดียต้องขอการยินยอมให้ติดตามข้อมูลที่ส่งผลต่อการมองเห็นโฆษณานั้น ล่าสุด Financial Times รายงานว่า ช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ นโยบายดังกล่าวส่งผลกระทบเป็นตัวเงินต่อแพลตฟอร์มอย่าง Snap, Facebook, Twitter และ YouTube ร่วมหมื่นล้านดอลลาร์

Apple เริ่มใช้นโยบายเพื่อความเป็นส่วนตัวหรือ App Tracking Transparency ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดย Lotame บริษัทเทคโนโลยีการโฆษณาซึ่งมีลูกค้ารายใหญ่อย่างเช่น The Weather Company และ McClatchy ได้ประมาณการว่าแพลตฟอร์มโซเชียลทั้งสี่ สูญเสียรายได้ไป 12% ในไตรมาสที่สามและสี่ หรือราวๆ 9.85 พันล้านดอลลาร์ Snap ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะตัวแพลตฟอร์มเน้นการใช้งานบนมือถือ ส่วน Facebook ได้รับผลกระทบในแง่ของขนาดการตลาดของตัวเอง

Mike Woosley ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Lotame กล่าวว่า ผู้โฆษณากำลังเจอปัญหากับการได้รับผลตอบแทนน้อยลงจากการลงทุนในโฆษณา ยกตัวอย่างแบรนด์ชุดชั้นในชายที่จะได้เข้าถึงลูกค้าหนึ่งรายจากโฆษณา $5 ซึ่งกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้ชาย 1,000 คน แต่กลายเป็นว่าจู่ๆ บริษัทโฆษณาก็ไม่สามารถทำการกำหนดเป้าหมายโฆษณาได้ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นหญิงใครเป็นชาย ทำให้ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น

Aidan Corbett หัวหน้าผู้บริหารของ Wayflyer บริษัทผู้ให้เงินทุนแก่การเริ่มต้นช้อปปิ้งออนไลน์ บอกว่า หากความสามารถในการโฆษณาบน Facebook เริ่มไม่คุ้มค่า คนก็จะเริ่มย้ายออก ซึ่ง TikTok ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะใช้เงินน้อยกว่าในการทำให้โฆษณาแสดงผล 1,000 ครั้ง

Eric Seufert ที่ปรึกษา adtech กล่าวว่า Facebook ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุการณ์นี้ ซึ่ง Facebook ต้องทำโครงสร้างและเฟรมเวิร์คใหม่ทั้งหมดซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี

ช่วงแรกๆ ที่ Apple เสนอโยบายใหม่ๆ Facebook โจมตี Apple หนักมาก ว่าใช้เหตุผลเรื่องความเป็นส่วนตัวมาบังหน้าผลประโยชน์ของตัวเอง

ในขณะเดียวกัน Twitter ดูจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบน้อย (รายได้โฆษณาไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 41%) เนื่องจากโฆษณาบน Twitter พึ่งพาบริบทและการสร้างแบรนด์ มากกว่าการติดตามพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ ส่วน Alphabet ก็มีข้อมูลผู้ใช้ของบุคคลมากพอ ไม่จำเป็นต้องติดตามผู้ใช้ในแอปของบุคคลที่สาม

ที่มา - Financial Times, Gizmodo

Blognone Jobs Premium